ทวงคืนศักดิ์ศรีสื่อ บก.คู่แผ่นดิน สุดทน หอบเอกสารยื่น ฟ้อง ป.ป.ช.ภาค 1  

 

           

            

             จากข่าวที่โด่งดังในสื่อโชเชียล เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 22.23 น. ได้มีการปล่อยข่าวปลอม หรือ Fake News ส่งลงไปในกลุ่มโอเพ่นแชน กลุ่ม ชมรม STRONG ประเทศไทย และโอเพ่นแชน กลุ่ม  STRONG ภาคอีสาน  โดยสมาชิกที่ใช้ชื่อไลน์ว่า “นายช่างตี๋” ได้ส่งไลน์ ปล่อยข่าวปลอม ว่า  “สื่อมวลชน อ้างเป็น ป.ป.ช. เรียกรับเงิน 3 แสนบาท ” เป็นเหตุให้สมาชิกในกลุ่มเกิดการวิพากวิจารณ์กันอย่างสนุกสนานโดยไม่แสวงหาข้อเท็จจริง  ปัญหาข่าวปลอม หรือ Fake News ที่กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญ ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคมเป็นอย่างมาก มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือการจงใจตัดต่อบิดเบือนคำพูดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดเป็นจำนวนมากทั้งจากสื่อมวลชน ผู้มีชื่อเสียง และผู้ใช้สื่อทั่วไป  สำหรับประชาชนทั่วไป มีจำนวนมากที่ขาดการคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ ข่าวสารที่ได้รับว่าจะจริงเท็จอย่างไร  แต่ได้กระหน่ำด่าทอ วิพากวิจารณ์เพื่อความสะใจ  ส่งผลให้ผู้ที่ถูกวิจารณ์ได้รับความอับอาย เสียหาย  เสื่อมเสียชื่อเสียง  

                  เฟสบุ๊ค เพจหน่วยงานสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1  เมื่อวันที่  31 กรกฎาคม เวลา 18:48 น.   ได้ลงข่าวปลอม หรือ Fake News โดยมีภาพใบหน้า นายกิตติศักดิ์  ศิริคลังเจริญรุ่ง  บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน พร้อมมีข้อความ “ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย  31 กรกฎาคม เวลา 13:22 น.  · 

เครือข่ายชมรมฯ ภาคอีสานได้รับเรื่องร้องเรียน กรณีที่มีเจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. มีพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ จากเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งจำนวน 3 แสนบาท เพื่อเป็นค่าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองเป็นบรรณาธิการอยู่ แลกกับการไม่นำเสนอข่าวขุดคุ้ยความไม่ปกติของโครงการ และยังมีการกล่าวอ้างมีความสนิทกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทั้งในระดับจังหวัดและภาคที่สามารถสั่งการได้เพราะได้รับการแต่งตั้งมาจากประธานกรรมการ ป.ป.ช.

จากการตรวจสอบพบว่าก่อนหน้านี้ทางหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวได้มีการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานเพื่อขอข้อมูลและเอกสารการดำเนินโครงการอีกด้วย

เรื่องนี้ต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางสำนักงาน ป.ป.ช.เพื่อความกระจ่างต่อสังคมต่อไป ทางชมรมฯ นำเสนอเพื่อเตือนภัยให้กับสังคมได้รับรู้เข้าใจและไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว

และหากประชาชน หรือ จนท.รัฐ พบเห็นบุคคลใดแอบอ้าง​ ป.ป.ช.หรือชมรม​ STRONG​ เพื่อเรียกรับเงิน อ้างเคลียร์เรื่องได้​ ให้รวบรวมหลักฐาน แจ้ง​ ป.ป.ช.​ เพื่อดำเนินคดี” และได้ลงข้อความใน เฟสบุ๊ค เพจหน่วยงานสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1 ว่า ระวัง  แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เรียกรับเงิน เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากพบการกระทำดังกล่าวโปรดแจ้งสำนักงาน ป.ป.ช. ตรวจสอบ ซึ่งเฟสบุ๊ค เพจหน่วยงานสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1 นั้น  เป็นเพจองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ การที่ได้ลงข่าวปลอม หรือ Fake News ดังกล่าวข้างต้น  โดยไม่มีการตรวจสอบนั้น เป็นเหตุให้ นายกิตติศักดิ์  ศิริคลังเจริญรุ่ง  บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงในสิ่งที่ตนไม่ได้กระทำ ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลและประชาชนทั่วไปที่ได้พบเห็นข้อความดังกล่าว และขาดความน่าเชื่อถือในการลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน   ซึ่งจนถึงปัจจุบัน เพจหน่วยงานสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1 ก็ยังไม่ได้ลบข่าวปลอม หรือ Fake News ดังกล่าวออกจากระบบ   ดังนั้นเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน นายกิตติศักดิ์  ศิริคลังเจริญรุ่ง  บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน พร้อมทนายความ ได้นำเอกสารยื่นฟ้อง สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1 เพื่อแสวงหาความจริงให้ปรากฏ  และกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลกับบุคคลที่ได้แชร์ ข่าวปลอม หรือ Fake News ดังกล่าว แล้วจะแจ้งผลความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป