ศรีสะเกษ คืบหน้าลัทธิประหลาดสวดมนต์ภาษาต่างดาวจับแล้วเมียพ่อปู่ฤๅษี หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ดฐานยักยอกทรัพย์ ส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย  เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย ขณะที่ศิษย์ยืนยันรักษาโรคหายจากการดื่มสุราได้จริง รวมทั้งรักษาให้หายป่วยจากโรคโควิด -19 ได้ด้วย  

 

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีสามี ภรรยาที่อ้างตนเป็นพ่อปู่ฤๅษีและร่างทรง ช่วยรักษาชาวบ้านและมีพิธีการสวดมนต์ที่แปลก ๆ โดยชาวบ้านได้บันทึกวิดีโอช่วงหนึ่งของการทำพิธีกรรม ซึ่งในคลิปจะเห็นชายที่แต่งกายคล้ายฤๅษี ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นพ่อปู่ฤๅษี  ทำพิธีโดยถือไม้ ลักษณะคล้ายไม้เท้าเล็ก ๆ แตะไปที่หลังและตามตัวของผู้มาทำพิธี พร้อมกับท่องคาถาอะไรบางอย่าง ที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่องว่าเป็นภาษาอะไร  ซึ่งผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ 2 สามี ภรรยาดังกล่าว ที่อ้างว่าเป็นอาศรมของฤๅษี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบชายฉกรรจ์  3 - 4 คน และ 2 สามี ภรรยาดังกล่าวนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ จึงได้สอบถามข้อเท็จจริง โดย 2 สามี ภรรยาปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยอ้างว่าหากต้องการทราบข้อมูลต้องมีใบอนุญาต และกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการสวดมนต์ปกติและสวดปริยัติธรรม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองได้มาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าเป็นการกระทำความผิดแต่อย่างใด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้  เมื่อวันที่ 23 ส.ค.64   ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 171 หมู่ 7 บ้านอ้อ  ต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักปู่ฤาษี พบว่า  ภายในบริเวณสำนักมีลูกศิษย์อยู่จำนวน 3 คน ประกอบด้วย  นายสุวรรณ   บุญดก  อายุ  50 ปี  นางสำราญ  วงศ์เจริญ  อายุ  57 ปี และ                                         นางรุ้งราวรรณ์   ภูษา  อายุ  46 ปี กำลังช่วยกันทำการพัฒนาก่อสร้างและทำความสะอาดรอบบริเวณภายในบ้านทำเป็นสำนักปู่ฤาษี พบว่า มีการนำเอาพระพุทธรูปและองค์ฤาษีมาตั้งบูชา เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้หลายองค์  มีประชาชนที่ศรัทธาพากันมากราบไหว้   ซึ่งสำนักปู่ฤาษีจะตั้งอยู่ห่างจากบ้านเรือนประชาชนทั่วไปประมาณ  80 เมตร  โดยลูกศิษย์ใกล้ชิดจะได้รับการสักยันต์เชื่อว่าจะทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยเป็นเมตตามหานิยมอีกด้วย

นายสุวรรณ   บุญดก  อายุ  50 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนดื่มเหล้าอย่างหนักไม่ทำการงานอะไร  ต่อมาได้มีญาติแนะนำให้มากราบพ่อปู่ฤาษี และได้รับการรักษาจากพ่อปู่ฤาษีโดยให้สวดมนต์และดื่มน้ำมะพร้าวที่พ่อปู่ฤาษีปลุกเสกแล้วทำให้ตนหายจากการชอบดื่มเหล้า  และจะมีกลิ่นเหล้าระเหยออกมาทางแขนขา  หลังจากนั้น ตนจะไม่รู้สึกอยากดื่มเหล้าอีกเลย  นอกจากนี้แล้ว ญาติของตน 2 คน อยู่ที่กรุงเทพติดเชื้อโควิด-19 และรอเตียง หายใจไม่สะดวก  เมื่อพ่อปู่ฤาษีทราบเรื่อง ได้สวดมนต์และรักษาญาติของตนให้  ทำให้ญาติของตนหายจากอาการป่วยติดเชื้อโควิด -19 หายใจโล่งสะดวกโดยที่ไม่ต้องไปรักษาโรคกับแพทย์ที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด ทำให้ตนเคารพศรัทธาพ่อปู่ฤาษีเป็นอย่างมาก

นางสาวรุ่งราวรรณ์   ภูษา  อายุ  46 ปี  กล่าวว่า  ตนมาร่วมสวดมนต์กับพ่อปู่ฤาษีเมื่อช่วงประมาณ 7 – 8 เดือนที่ผ่านมา  โดยจะเป็นการสวดมนต์เหมือนกับปกติทั่วไป  แต่ว่าเมื่อสวดมนต์ไปได้ระยะเวลาหนึ่งผู้ที่สวดมนต์จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ ออกมาเองเหมือนกับการทำพิธีสวดมนต์ทั่วไป ส่วนภาษาที่ใช้ในการสวดมนต์นั้น เรียกว่าเป็นภาษาเทพที่พ่อปู่ฤาษีจะสวดได้  ไม่ใช่ภาษาหรือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เป็นการปั่นธรรม   ผู้ที่ปฏิบัติธรรมทุกคนจะทราบเรื่องนี้กันทุกคน  อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน  เป็นแผลที่ขาข้างขวา  เมื่อตนมาปฏิบัติธรรมและได้รับการรักษาจากพ่อปู่ฤาษีแล้วทำให้หายป่วยโดยไม่ต้องรักษาโรคแต่อย่างใด 
 
นายประสิทธิ์   ยงกุล  อายุ  58 ปี  ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับสำนักปู่ฤาษี  กล่าวว่า  สำนักปู่ฤาษีที่มาตั้งอยู่ตรงนี้ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแต่อย่างใด  เสียงสวดมนต์ก็ไม่ได้ดังมากนัก  ส่วนชาวบ้านที่เข้าไปสวดมนต์นั้นก็เป็นเรื่องความศรัทธาของแต่ละบุคคลไม่ได้ทำให้ผู้ใดเสียหายหรือว่าตนและชาวบ้านใกล้เคียงเดือดร้อนรำคาญได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (23 ส.ค.64) นายศราวุธ ทรงโฉม นายอำเภอห้วยทับทัน พ.ต.อ.ทินกร  เดชาเลิศ  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรห้วยทับทัน ได้มอบหมายให้ นายสุเมธ  ทรัพย์ประมูล  ปลัดอำเภอรับผิดชอบงานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยทับทัน ร่วมกับ จนท.ตำรวจสถานีตำรวจภูธร                             ห้วยทับทัน  มี พ.ต.ท.สฤษดิ์  รสจันทร์ สวป.สภ.ห้วยทับทัน  พร้อม จนท.ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์โดยผ่านสื่อมวลชนว่าได้มีผู้อ้างตนเป็นฤาษีในพื้นที่และมีการหลอกลวงชาวบ้านทำให้มีผู้ได้รับความเสียหาย  พบว่ามีผู้ถูกกล่าวอ้างตามคลิปข่าว คือนางละไม                            ทิศกระโทก ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 171 หมู่ที่ 4    ต.ลำปลายมาศ   อ.ลำปลายมาศ  จ.บุรีรัมย์  และนายปรีดา  ทิศกระโทก ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน 188 หมู่ที่ 15  ต.สารภี  อ.หนองบุญมาก                               จ.นครราชสีมา  และพบชาวบ้านที่อยู่ในบ้านหลังกล่าวจำนวน  3 คน ได้แก่  1.นายกฤษณวงศ์  สิมมาลา อายุ 49 ปี เลขที่89 ม.5 บ้านป่ากุง ต.คำเหมือดแก้ว   อ.ห้วยแม็ก จ.กาฬสินธ์   2.นางสาวสำราญ วงษ์เจริญ อายุ 57 ปี 16/1 ม.7 บ้านอ้อ 3.นางสาวรุ่งราวรรณ์  ภูษา อายุ 46 ปี เลขที่ 144 หมู่ที่ 7 บ้านอ้อ จากการตรวจสอบบุคคลดังกล่าวให้ข้อมูลว่าไม่ได้หลอกลวงผู้ใด  เป็นความสมัครใจ และไม่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่และสามารถฝากทำงานได้แต่อย่างใด ในการตรวจสอบในบ้านหลังนี้ได้ทำการเช่าอยู่อาศัยเดือนละ 500 บาท สัญญา 2 ปี โดยมีการปฏิบัติธรรม  สวดมนต์ไหว้พระตอนเย็น    ดูดวง สะเดาะเคราะห์  สักยันต์ แล้วแต่ผู้ที่จะเข้ามาตามจิตศรัทธา  เจ้าหน้าที่พบว่า นางละไม  ทิศกระโทก    เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด  จึงได้แสดงหมายจับ ที่ 197/2563 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2563  ต่อนางละไม  ทิศกระโทก ในฐานกระทำความผิด ยักยอก และนำตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรห้วยทับทัน  จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรอส่งมอบตัวนางละไม  ให้กับ ตร.สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อมานำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทางด้าน นายสุเมธ  ทรัพย์ประมูล  ปลัดอำเภอรับผิดชอบงานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยทับทัน  กล่าวว่า  
จากการที่ตนได้เข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมของสำนักปู่ฤาษีแล้ว เบื้องต้นไม่พบว่า มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด  ตนขอฝากเตือนประชาชนว่า ไม่ควรที่จะไปหลงเชื่อเรื่องอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งยังไม่ได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์  เพราะว่า จะทำให้หลงเชื่อลุ่มหลงได้///// 

ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ