ศรีสะเกษ แม่ร่ำไห้ถูกธนาคารดังหลอกให้นำเงินไปปิดบัญชี อ้างจะให้กู้เงินได้ 200,000 บาทไปทำทุน จึงไปกู้เงินนอกระบบ 40,000 บาทมาปิดบัญชี แต่สุดท้ายโดนเบี้ยวไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ติดหนี้เงินกู้นอกระบบกว่า 150,000 บาท  

 

 

เมื่อวันที่ 12 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 1201/159 ชุมชนหัวนา ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นางจันทร์ทิพย์ แพรบุตร หรือชื่อเดิมคือ นางทองหยิบ ศรีธัญรัตน์ อายุ 61 ปี ได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษว่า ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากว่าถูกธนาคารชื่อดัง  หลอกให้นำเอาเงิน จำนวน 30,000 บาท ไปปิดบัญชีเงินกู้ธนาคาร โดยทางธนาคารแจ้งว่าจะให้สิทธิ์กู้เงิน จำนวน 200,000 บาท แต่เมื่อได้ไปกู้เงินนอกระบบมาปิดบัญชีเงินกู้เพื่อที่จะขอกู้เงินใหม่แล้ว กลับถูกธนาคารบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้กู้เงินโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ต้องติดหนี้เงินกู้นอกระบบ รวมแล้วเป็นเงินกว่า 150,000 บาท

นางจันทร์ทิพย์ แพรบุตร อายุ 61 ปี เล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า เมื่อประมาณปี 2562 ตนได้ไปกู้เงินจากธนาคารชื่อดัง จำนวนเงิน 65,000 บาท เพื่อนำเอามาใช้ในการประกอบอาชีพทำขนมขายที่ตลาดสดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ โดยมีเงื่อนไขการชำระหนี้ทุกวันพุธ ครั้งละ 1,100 บาท แต่ว่าเนื่องจากต้องการให้หมดหนี้สินเร็ว ตนจึงได้จ่ายเงินกู้ทุกวันพุธ ครั้งละ 1,200 – 1,500 บาท เป็นประจำทุกวันพุธ ต่อมาได้รับการติดต่อจากผู้จัดการธนาคารดังกล่าวว่า ตนเป็นลูกค้าชั้นดี เนื่องจากจ่ายหนี้เงินกู้ตรงตามกำหนดและจำนวนเงินมากกว่าที่ตกลงจ่ายเอาไว้ หากตนนำเอาเงินจำนวน 30,000 บาท ไปปิดหนี้ธนาคาร ก็จะให้กู้เงินได้ จำนวน 200,000 บาท เพื่อไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ตนจึงได้นำเอารถเก๋ง ทะเบียน กท 3921 ศรีสะเกษ ซึ่งได้ซื้อเงินผ่อนจากบริษัทรถแห่งหนึ่ง ไปจำนำกับผู้ที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ได้เงินมาจำนวน 40,000 บาท โดยได้ถูกหักดอกเบี้ยเอาไว้ จำนวน 4,000 บาท ค่าจอดรถ 2,000 บาท ค่านายหน้า 500 บาท คงเหลือเงิน จำนวน 35,000 บาท ตนจึงได้นำเงิน จำนวน 30,000 บาท ไปปิดบัญชีเงินกู้ธนาคาร โดยทางผู้จัดการธนาคารแจ้งว่า ตนจะได้รับเงินกู้ จำนวน 200,000 บาท ภายใน 1 สัปดาห์ 

นางจันทร์ทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ต่อมา ตนได้พยายามติดต่อกับผู้จัดการธนาคารว่าจะได้เงินกู้เมื่อไหร่ แต่ปรากฏว่าถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด อ้างว่ากำลังตรวจสอบเอกสาร จนทำให้ระยะเวลาล่วงเลยไปกว่า 1 ปี ทำให้ตนต้องรับภาระค่างวดรถเก๋ง เดือนละ 6,933 บาท และค่าดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ วันละ 1,500 บาท อีกทั้งต่อมาตนได้เครียดจนน๊อค ต้องเข้าไปนอนพักรักษาตัวที่ รพ.ศรีสะเกษ ซึ่งแพทย์แจ้งว่าป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด เบาหวาน และอีกหลายโรค โดยระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีสะเกษนั้น กลุ่มเงินกู้นอกระบบได้ไปติดตามทวงเงินกับตนถึง รพ.ตนไม่มีเงินจ่ายให้ จึงได้ไปกู้เงินนอกระบบกับอีกรายหนึ่ง จำนวน 30,000 บาท เพื่อมาจ่ายหนี้ให้กับกลุ่มเงินกู้อีกกลุ่มหนึ่ง ต้องจ่ายรายวันๆ ละ 1,500 บาท และต่อมาลูกชายคนเล็กของตน อายุ 18 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องนำเอาเงินไปเป็นค่าชุดนักเรียนและค่าใช้จ่ายในการเรียน ตนจึงได้ไปกู้เงินนอกระบบมาอีกจำนวน 30,000 บาท ต้องจ่ายหนี้วันละ 1,500 บาท ซึ่งตนได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องเงินกู้กับธนาคารชื่อดังที่แจ้งว่าจะให้ตนกู้เงิน จำนวน 200,000 บาท ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทั้งที่หลอกให้ตนนำเอาเงินไปปิดบัญชีเงินกู้

นางจันทร์ทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ตนมีอาชีพทำขนมใส่ไส้ ขนมตาล ขนมเปียกปูน มันเชื่อม เผือกเชื่อมขายให้กับรถพุ่มพวงที่มาหาซื้อของไปขายที่ตลาดสดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ โดยจะขายในเวลาตั้งแต่ 00.00 น.- 04.00 น.ทุกวัน มีค่าใช้จ่ายวัสดุที่ใช้ในการทำขนม ค่าแรงงานคนช่วยทำงานห่อขนมและเตรียมวัสดุทำขนมวันละ 500 บาท ซึ่งจะมีรายได้เพียงวันละ 2,000 บาทเศษ แต่ว่าจะต้องนำเอาไปจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบรายวันๆ ละ ประมาณ 4,500 บาท ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนมาก จึงได้ไปกู้เงินนอกระบบมาอีก จำนวน 20,000 บาท เพื่อมาผ่อนใช้ให้กับเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบรายอื่น ส่วนบ้านที่ตนเช่าอยู่ตรงนี้ได้รับความเมตตาจากเศรษฐินีใจบุญให้ติดค้างค่าเช่าได้นานประมาณ 2 ปีแล้ว และมีผู้ใจบุญช่วยเหลือตนมา จำนวน 40,000 บาท เพื่อให้ไปไถ่รถเก๋งออกมาจากเงินกู้นอกระบบ โดยตนได้มอบรถเก๋งให้ผู้ใจบุญเก็บไว้ ซึ่งรถเก๋งมีการนำเอาป้ายทะเบียนปลอมมาซุกซ่อนไว้ใต้พรมภายในรถด้วย ตนจึงได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษไว้เป็นหลักฐาน เกรงว่ากลุ่มเงินกู้นอกระบบที่ตนได้นำเอารถไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ อาจจะนำเอารถของตนไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งรถของตนมีรอยขูดขีดรอบคันและยางอะไหล่ก็หายไปด้วย

นางจันทร์ทิพย์ เล่าด้วยน้ำตาต่อไปว่า สามีของตนที่มาอยู่ด้วย ก่อนหน้านี้เคยไปมีผู้หญิงคนอื่นและต่อมาได้มาอยู่กับตน โดยได้ช่วยทำงานทำขนมขาย ซึ่งตนจะต้องจ่ายค่าแรงให้กับสามีวันละ 200 บาท ต้องซื้อเหล้าขาว 1 ขวด ราคา 100 บาท และบุหรี่วันละ 100 บาทไว้ให้ หากไม่จ่ายเงินค่าแรงและไม่เตรียมเหล้า บุหรี่ไว้ให้ สามีก็จะใช้สันมีดอีโต้ตีหัวตน ทำให้ตนต้องหาจัดเตรียมไว้ให้ทุกวัน อีกทั้งต้องรับภาระในการส่งใช้หนี้เงินกู้นอกระบบวันละร่วม 5,000 บาทอีกด้วย ที่ตนต้องทนสู้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะลูกชายคนเดียวที่เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ตนต้องส่งเงินไปให้ลูกชายอาทิตย์ละ 1,000 บาท เพื่อให้ลูกไปเรียนหนังสือ ซึ่งลูกชายของตนจะตั้งใจเรียนหนังสือดีมาก ตนไม่เคยเรียนหนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก จึงอยากให้ลูกได้เรียนหนังสือให้สูงที่สุด 

นางจันทร์ทิพย์ เล่าด้วยว่า เกี่ยวกับเรื่องที่ตนถูกธนาคารหลอกให้กู้เงินนอกระบบไปปิดหนี้เงินกู้ธนาคาร จนทำให้มีหนี้สินนอกระบบกว่า 150,000 บาทนี้ ตนได้เคยไปร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมศรีสะเกษ และได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษแล้ว แต่ว่าไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ไปรอตั้งแต่ 09.00 น.จนถึงเวลา 14.00 น.จึงได้แจ้งความ แต่ไม่ได้มีหลักฐานอะไรให้ตน เพียงแค่รับฟังแล้วให้ตนกลับไปบ้านเท่านั้น ทุกวันนี้ตนเครียดมาก เคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ว่าด้วยความห่วงลูกชายคนเล็กที่กำลังเรียนหนังสือ ทำให้ตนต้องทนสู้ 

ตนจึงขอร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า ขอให้ธนาคารชื่อดังได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบที่หลอกให้ตนนำเอาเงินไปปิดบัญชีเงินกู้ แล้วไม่ให้ตนยืมเงิน จำนวน 200,000 บาทตามที่ตกลงกันไว้ เห็นว่าตนไม่ได้เรียนหนังสือ จึงได้หลอกลวงตน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หากตนไม่โดนธนาคารหลอก ตนก็คงจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ทำให้ชีวิตของตนได้รับความลำบากอย่างหนัก จึงขอให้ธนาคารได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย/////

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ