บึงกาฬ สลด!!ลงซ่อมกระชังเลี้ยงปลาในน้ำโขงเป็นตะคริวจมน้ำดับอนาถ   

                  บึงกาฬ สลด!!ลงซ่อมกระชังเลี้ยงปลาในน้ำโขงเป็นตะคริวจมน้ำดับอนาถ

               วันที่ 24 ส.ค.พ.ต.ท.ปกรณ์ ปัญญามงคล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุมีคนจมน้ำเสียชีวิตอยู่ที่ริมน้ำโขง ข้างกระชังเลี้ยงปลานิลบ้านห้วยดอกไม้ หมู่ที่ 4 ตำบลโคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นายแพทย์ ณรงค์ชัย เกตุนวม แพทย์เวร รพ.บึงกาฬ ประสานหน่วยกู้ภัยร่วมใจบึงกาฬและหน่วยกู้ภัยนที่ธรรม ไปตรวจที่เกิดเหตุในที่เกิดเหตุพบว่าชาวบ้านและญาติได้ช่วยกันงมหาร่างผู้สูญหายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงพบร่างจมอยู่ใต้น้ำลึกประมาณ เกือบ 2 เมตร สภาพศพพบว่าเนื้อตัวซีดและเขียวคล้ำตามริมฝีปาก และนิ้วมือนิ้วเท้า สวมใส่เพียงกางเกงในตัวเดียวทราบชื่อต่อมาว่านายสงกรานต์ ปาสวัสดิ์ อายุ 59 ปีอยู่บ้านเลขที่ 38/1 บ้านห้วยดอกไม้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1.30 ชั่วโมง

            จากการสอบสวนนางสมจิตร ปาสวัสดิ์ ภรรยาผู้ตายได้ให้การเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุสามีจะลงไปซ่อมกระชังแพเลี้ยงปลานิลโดยการเปลี่ยนถุงพลาสติกที่ทำเป็นทุ่นรองแพให้ลอยน้ำ เนื่องจากชำรุดมากและน้ำก็กำลังขึ้น ส่วนตนรู้สึกหิวข้าวจึงขึ้นมาบนบ้านเพื่อกินข้าว ซึ่งก็อยู่ริมโขงใกล้กับกระชังเลี้ยงปลาจึงมานั่งกินข้าวรออยู่ด้านบน  แต่หลังจากกินข้าวเกือบจะอิ่มแล้วประมาณเกือบ 10 นาทียังไม่เห็นสามีตามขึ้นมากินข้าวจึงได้เรียกหาและออกเดินตามหาในละแวกใกล้เคียงก็ยังไม่เห็นจึงคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายหรือสามีจมน้ำเพราะเห็นรองเท้าแตะคู่หนึ่งถอดไว้อยู่ริมน้ำโขง จึงได้เรียกชาวบ้านมาช่วยงมหาแต่เบื้องต้นยังไม่พบร่างแต่อย่างใด จากนั้นได้โทรศัพท์หานายบัวพันธ์  วงศ์จันทร์ นายกเทศบาลตำบลโคกก่อง และผู้ใหญ่บ้านให้หาคนมาช่วยลงงมหาสามีใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงจึงพบร่างจมอยู่ใต้น้ำลึกประมาณเกือบ 2 เมตรติดกับแพปลา

               นางสมจิตรเล่าอีกว่า สามีก่อนหน้านั้นไม่เคยป่วยด้วยโรคอะไรแต่ตอนหลังเป็นเส้นเลือดสมองตีบถึงเกิดเป็นลมชักนำส่งโรงพยาบาลหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาทำให้ผู้ตายเป็นกล้ามเนื้อแขนอ่อนแรงซึ่งคาดว่าช่วงจังหวะก่อนเกิดเหตุผู้ตายคงจะว่ายน้ำจากริมตลิ่งไปที่แพปลาที่อยู่ห่างประมาณ 10 เมตรแต่ผู้ตายอาจจะหมดแรงหรือต้านน้ำไม่ไหวเนื่องจากวันนี้น้ำขึ้นเร็วมากตอนเช้าน้ำยังสามารถเดินข้ามไปแพเลี้ยงปลาได้ แต่พอตกเย็นน้ำขึ้นเร็วจึงไม่สามารถเดินข้ามได้และได้ว่ายน้ำข้ามไปจึงทำให้เกิดต้านน้ำไม่ไหวอาจจะเป็นตะคริวด้วย จึงจมน้ำดับอนาถดังกล่าว ญาติๆไม่ติดใจในสาเหตุการตายจึงมอบศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.

                นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399