ชัยภูมิ...  ผบก.ปส. ตรวจเยี่ยมโครงการชุมชนบำบัดฯ อ.จัตุรัส พบผลผู้ผ่านการบำบัดประกอบอาชีพได้ตามปกติ   

          ชัยภูมิ...  ผบก.ปส. ตรวจเยี่ยมโครงการชุมชนบำบัดฯ อ.จัตุรัส พบผลผู้ผ่านการบำบัดประกอบอาชีพได้ตามปกติ
            วันที่  31 ก.ค.67   พลตำรวจโท คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่วัดชัยชนะวิหาร ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เพื่อติดตามประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในตำบลที่มีการแพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด 100 ตำบล ตามนโยบาย เร่งด่วนเพื่อเป็นการป้องกัน และลดปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเน้นยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้คนในชุมชน/หมู่บ้าน เกิดความเข้มแข็ง เข้าใจ รับรู้ถึงปัญหา และพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อตนเอง และสังคมโดยรวม ซึ่งในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ได้มีการดำเนินการมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ในพื้นที่ อ.จัตุรัส 

         โดยมี พ.ต.อ.อาทิตย์ ฉัตรชัยรัตนเวช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจัตุรัส(ผกก.สภ.จัตุรัส) ได้นำโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในการปราบปราบ ค้นหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้า ผู้เสพ ในพื้นที่ ต.ละหาน อ.จัตุรัส ใน 18 หมู่บ้าน มีชาวบ้านในพื้นที่ร่วมโครงการ 8,871 คน มีการทำงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 3 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงาน ลงพื้นที่ค้นหาผู้เสพและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งมีการคัดกรองผู้ใช้ ผู้เสพ และนำพาเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในช่วงอายุ 12-65 ปี จำนวน 4,886 คน ดำเนินการ X-ray แล้ว จำนวน 4,886 คน (คิดเป็นร้อยละ 100) เพื่อนำเข้าสู่ขบวนการบำบัดที่มาจากการ X-ray จำนวน 181 คน และมาแสดงตนเข้าสู่การบำบัด จำนวน 29 ราย รวมผู้บำบัด จำนวน 210 ราย มีผู้ที่ผ่านการบำบัดได้ใบรับรองจากโรงพยาบาลจัตุรัส 70 ราย ผ่านการบำบัดรักษา ผลเป็นที่น่าพอใจ 57 ราย แต่ยังมีผู้ผ่านการบำบัดรักษา ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจอีกประมาณ 13 ราย ในจำนวนผู้ผ่านการบำบัด สมัครเข้าฝึกอาชีพจนมีความชำนาญในประกอบอาชีพได้ จนได้รับทุนประกอบอาชีพในครั้งนี้แล้วรวม 4 ราย (ที่ได้ทุนจาก ป.ป.ส.จำนวน 2 ราย,ทุนจากภาคเอกชน จำนวน 2 ราย ) และมีผู้ผ่านการบำบัดแล้ว ได้รับการศึกษาต่อ 2 ราย อายุ 14 ปี และ 16 ปี สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการบำบัด 59 ราย เป็นผู้บำบัดถูกดำเนินคดี 11 ราย ผู้บำบัดไม่อยู่ในพื้นที่ 7 ราย อยู่ระหว่างการติดตามของโรงพยาบาล 81 ราย จนปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ มีแนวโน้มดีขึ้นจนแทบจะหมดไปจากพื้นที่มาต่อเนื่อง ซึ่งผู้ที่เคยที่ติดยาเสพติด ที่เข้าร่วมโครงการบำบัดติดยาเสพติดจนหายขาดแล้ว ต่างบอกว่า เมื่อครั้งติดยาเสพติดเงินที่หาได้ในแต่ละวันไม่มีเหลือ นำเงินไปซื้อยาเสพติดจนหมด ร่างกายซูบผอม และเกิดปัญหาทะเลาะกับครอบครัวและคนรอบข้างบ่อยครั้ง เมื่อเข้าร่วมโครงการบำบัดจนหายขาดจากติดยาเสพติดได้ครั้งนี้แล้วเหมือนตายแล้วได้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง 
 

         จากการสอบถาม นายกลับใจ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี (นายนายธนิก สมพงษ์ อายุ 35ปี ขอสงวนชื่อด้วย ) เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเองติดยาเสพติดมาจากเพื่อนทุกคนติดยาเสพติดกันหมด เงินที่หามาได้ก็จะนำไปซื้อยามาเสพทั้งหมด ทำให้ชีวิตของตนตกต่ำอยู่กับยาเสพติดทำให้สภาพร่างกายและจิตใจทรุดโทรมเงินทองที่หามาได้ก็ไม่มีเงินเหลือเก็บและใช้จ่าย กลายเป็นคนไร้ค่าในสังคม จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการบำบัดยาเสพติดนี้ หลังจากที่เข้าโครงการแล้วตนได้เลิกยาเสพติดทุกประเภทได้ และได้มาฝึกอาชีพจัดดอกไม้ทำให้ตอนนี้ตนมีรายได้ 15,000 - 20,000 บาทต่อเดือน จนปัจจุบัน ที่เหมือนตัวเองได้ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อย่างมีคุณค่าได้ช่วยดูแลครอบครัว และช่วยเหลือสังคมคนรอบข้างมาได้จนปัจจุบัน 

         ส่วนอีกราย นายอยากทำดี นามสมมุติ อายุ 43 ปี ( ขอสงวนชื่อ นายเกียรติศักดิ์ ดีธรรม อายุ 43 ปี ) เล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนติดยาเสพติดอย่างหนัก ไม่ออกไปไหน เงินที่หามาได้ก็หมดไปยาเสพติดทั้งหมดทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ในความลำบากเพื่อนที่เคยคบก็ไม่คบ หนีหายไปหมด จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการพร้อมกับฝึกอาชีพซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยตอนนี้ได้ผ่านการบำบัดหายและจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จนมีอาชีพรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าจนมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน 300-500 บาท จึงอยากจะขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยทำให้ตนเอง กลับมามีโอกาสทางสังคมครอบครัว และได้กลับมามีอาชีพที่สุจริตสามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง และอยากให้ผู้ที่หลงผิดกับยาเสพติดให้หยุดและเลิกยาเสพติดถ้าใครเลือกไม่ได้ก็ให้มาเข้ามาบำบัดตามโครงการดังกล่าว ที่จะได้รู้ว่าเหมือนตายไปแล้วได้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งกับโครงการดีๆเช่นนี้ได้อีกด้วย และอยากขอฝากเป็นอุทาหรณ์ช่วยเตือนใจคนที่ยังหลงผิดติดยาเสพติด และจะไม่ขอกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเด็ดขาด///


/ มัฆวาน  วรรณกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาคชัยภูมิ