เวียดนาม.... หนีเข้าเมือง สวมบัตรไทย กว้านซื้อฝากที่ดินกว่าร้อยแปลง ข้าราชการ นอมินีไทยเอื้อ
วันที่ 10 มกราคม 2540 และต่อมาได้เปลี่ยนที่อยู่หลายแห่งในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย และเปลี่ยนชื่อ-สกุล เป็นกิตตินันท์ สุนทราภิราม ขณะสวมบัตรประชาชนเจ้าของบัตรตัวจริงยังมีชีวิตอยู่ และได้เสียชีวิตเมื่อปี 2557 เป็นเวลา 27 ปี ที่นายกิตตินันท์ ได้สวมบัตรประชาชนของนายอนุสรณ์ และเริ่มทำธุรกิจรับซื้อขายฝากที่ดิน ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย สกลนคร โดยหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของร้านอาหาร ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ถูกนายกิตตินันท์ สร้างข้อมูลเท็จโดยการปลอมรายละเอียดในเอกสารหลังโฉนดที่ดินระบุชื่อนายกิตตินันท์ มีอำนาจขายฝากในโฉนดที่ดินโดยมีเจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่ดินบางคนให้การช่วยเหลือ ก่อนจะนำไปขายทอดตลาดเป็นเหตุให้ผู้เสียหายรายนี้ถูกนายทุนที่มาซื้อที่ดินไป ในราคา 1 ล้านบาท ฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินของตัวเอง และถูกคุมขังอยู่ 7 วัน ขณะนี้เรื่องอยู่ในศาลชั้นอุทธรณ์
นายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานีวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 คดีความอาญาในความผิดฐานใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้ตนเองมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทะเบียนราษฎรยื่นโดยไม่ชอบแจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตรใหม่แจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายและแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่จะทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ในครั้งนี้ได้มีข้าราชการอดีตปลัดอำเภอเมืองอุดรธานี ให้การช่วยเหลือ ก่อนได้ย้ายไปที่อำเภอกุดจับ ประมาณสองเดือนและได้ชิงลาออกก่อนที่จะมีเรื่องพัวพันมาถึงตัว และอาจมีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอุดรธานี รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี และ ตม.อุดรธานี จึงไม่เข้าจับกุมตามหมายจับดังกล่าว สื่อมวลชนและผู้เสียหายจึงได้ประสานตำรวจสอบสวนกลาง(กองปราบ) เข้าดำเนินการจับกุมตัว นายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ตำรวจสอบสวนกลางเข้าจับกุมนายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน ซึ่งอาศัยอยู่กับหญิงคนสนิท คือ นางสาวณิชาภัทฐ์ สว่างขจร อดีตปลัดอำเภอฝ่ายปกครองอำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ที่ได้ชิงลาออกจากราชการและเป็นผู้ให้ที่พักพิงแก่ นายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน นายทุนชาวเวียดนาม ถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมแล้วและก็พบว่าผู้ต้องหานั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอีกจำนวนมากใน 4-5 จังหวัดแถบภาคอีสานที่ถูกยึดที่ทำกินหลายราย ได้แก่จังหวัดหนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร อุดรธานี ตำรวจสอบสวนกลางเข้าจับกุมนายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน ที่หมู่บ้านรุ่งเรือง นาดี เลขที่ 87 / 106 อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี เป็นบ้านพักของ นางสาวณิชาภัทฐ์ สว่างขจร อดีตปลัดอำเภอเมืองอุดรธานี ฝ่ายทะเบียน และอดีตปลัดอำเภอกุดจับ ฝ่ายปกครอง ซึ่งได้ชิงลาออกก่อนในช่วงที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการใช้เอกสารอันเป็นเท็จของนายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน
จากการสืบสวนยังพบว่า นายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน ได้จงใจยื่นเอกสารอันเป็นเท็จในหลายพื้นที่เพื่อเปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนชื่อสกุล และนายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน ได้ถูกจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนราษฏรตามระเบียบข้อ 110 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565
สื่อมวลชนได้ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงโดยติดต่อหน่วยงานราชการ อาทิ เทศบาลนครอุดรธานี อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ และสำนักงานที่ดินจังหวัดอีกหลายจังหวัด หลายอำเภอ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ และเจ้าหน้าที่ไม่อยากเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายกิตตินันท์ สุนทราภิราม หรือ นายมิน เตรินวัน ความผิดฐานใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จแจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายและแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่จะทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งมีความผิดชัดเจนในการสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนไทย และจงใจแสดงเอกสารอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอายุความ 10 ปี นับจากวันที่มาติดต่อทำธุรกรรมกับหน่วยงานของรัฐ และสื่อมวลชนจะได้ติดตามความคืบหน้าและรายงานให้ทราบต่อไป