บึงกาฬ.... ปปช.ชี้โครงการเปลี่ยนพันธุ์ข้าว ปธ.กลุ่มทำผิด จนท.ศูนย์ฯไม่ผิด   

                 บึงกาฬ.... ปปช.ชี้โครงการเปลี่ยนพันธุ์ข้าว ปธ.กลุ่มทำผิด จนท.ศูนย์ฯไม่ผิด
    กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวชาวนา อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ กว่า 30 คนถูกประธานกลุ่มฯ พร้อมพวกสวมสิทธิ์รับเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกฤดูการทำนาที 2566 ของชาวนาตำบลสีชมภู อ.พรเจริญ ไปขายต่อกระสอบละ 6-700 บาท ทั้งที่ซื้อมาแค่ 100 บาท ถูก ป.ป.ช.ลงตรวจสอบโครงการฯ พบว่า จนท.รัฐในศูนย์ฯ ไม่ได้มีเอี่ยวคดี เป็นความผิดของ ประธานกลุ่มและพวกที่ปลอมแปลงชื่อไปขอซื้อพันธุ์ข้าว บอกตำรวจรับแจ้งคดีส่งฟ้องศาลได้เลย
         วันที่ 3 มิ.ย.ที่ห้องประชุม ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบึงกาฬ ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ นางสาวนันท์นภัส สืบสัมพันธ์ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.บึงกาฬ มอบหมายให้ นายนราวิชญ์ มาตราช หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบและสอบสวนกรณีสวมสิทธิ์ชาวนาตำบลสีชมภู กว่า 30 ราย โดยคณะ ป.ป.ช.ได้เข้าไปตรวจสอบระเบียบในการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวของเกษตรกรชาวนา มีนางสาวคนึงนุช พึ่มชัย ผอ.ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบึงกาฬ ได้เข้าชี้แจงถึงขั้นตอนและระเบียบในการแจกพันธุ์ข้าวในปี 2566และ2567 ผ่านมา โดยมีตำรวจ สภ.ดอนหญ้านาง ยศ ร.ต.อ.นายหนึ่ง ที่ พ.ต.อ.นาคินทร์ พลโยธา ผกก.มอบหมายให้ไปรับฟังและร่วมชี้แจงด้วย และมีนายทิศ เงยชัย ตัวแทนกลุ่มผู้ถูกสวมสิทธิ์ 1 ใน 30 ผู้เสียหายได้เข้าชี้แจงเพิ่มเติมกับ ป.ป.ช.ด้วย 
          นายนราวิชญ์ ได้สรุปหลังการได้อ่านคู่มือและขยายความเพิ่มเติมของ ผอ.ศูนย์ฯข้าวอย่างละเอียดว่า ที่เกิดปัญหานี้ขึ้นมานั้นก็เนื่องจากว่าเป็นระเบียบการเร่งด่วนที่ออกในปีนั้น เนื่องจากวันที่ 25 เมษายน 2566 วันที่แจกพันธุ์ข้าวใกล้จะเลยฤดูการปลูกข้าวของปี 2566 แล้ว และเป็นปีแรกที่มีโครงการนี้ขึ้นมาตั้งแต่ตั้งศูนย์ฯ นี้มาได้ 4 ปี ปีนี้เป็นปีที่ 5 ปกติชาวนาจะเริ่มว่านเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่เดือน มีนาคมของทุกปี่ ในคู่มือระเบียบกรมส่งเสริมอนุญาตให้มีการตั้งกลุ่มตัวแทนขึ้นมา จากนั้นประธานกลุ่มก็ไปหาล่ารายชื่อสมาชิกพร้อมกับเลขคอบัตรประชาชน 13 หลัก และรายมือชื่อสมาชิกที่ชาวนาที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีชื่อในสมุดเล่มเขียวด้วย โดยตัวแทนหรือประธานกลุ่มสามารถมารับพันธุ์ข้าวปลูกแทนสมาชิกได้ ที่ศูนย์ฯ โดยจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ 100 บาทต่อ 25 กิโลกรัมหรือ 1 กระสอบเล็ก 
  
          นายนราวิชญ์ มาตราช อธิบายเพิ่มเติมให้ผู้สื่อข่าวฟังต่อไปว่า พอตกฤดูการปลูกปี 2567 ทางกรมฯ จึงได้ออกระเบียบใหม่เพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยสมาชิกต้องมายื่นใบสมัครรับเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยตนเอง โดยใช้เอกสารมี สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสมุดเล่มเขียวถ่ายมาด้วย จึงจะสามารถใช้สิทธิ์ซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ในราคาถุงละ 100 บาทต่อ 1 ถุง น.น. 25 กิโลกรัม แต่เรื่องมันเกิดตอนที่ชาวนามายื่นขอสมัครและซื้อเมล็ดพันธุ์ปี 2567 นี้ แต่ถูก จนท.แจ้งว่าเคยมาซื้อพันธุ์ข้าวแล้วเมื่อปี 2566 จะใช้สิทธิ์ซื้อได้ใหม่ในอีก 3 ปี คือในปี 2569 จึงได้มีการขอดูและขอถ่ายเอกสาร จึงได้รู้ว่ามีการสวมสิทธิ์เกิดขึ้น พนักงานสอบสวนต้องสอบผู้เสียหายทั้งหมดและเรียกผู้แอบอ้างเป็นประธานกลุ่ม คือนายเมธี ผู้ที่อุปโลกน์เป็นประธานกลุ่มฯ พร้อมพวกที่ได้ปลอมแปลงรายมือชื่อสมาชิกผู้ถูกสวมสิทธิ์รับพันธุ์ไปในปี 2566 มาสอบสวนพร้อมแจ้งข้อหาปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม รับหรือไม่รับสารภาพเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา แล้วสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล เพราะจากการตรวจสอบแล้วความผิดครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับทาง จนท.ศูนย์ฯ เป็นช่องโหว่ของระเบียบเอง เพราะได้เปิดอ่านอย่างละเอียดแล้ว จึงได้มีการแก้ไขระเบียบใหม่ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น พนักงานสอบจึงไม่ต้องส่งสำนวนมายัง ป.ป.ช.เพราะเป็นความผิดส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด และต้องถ่ายสำเนาใบแจ้งความร้องทุกข์และบันทึกประจำวันให้กับผู้เสียหายด้วยจึงจะถูกต้อง 
        ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมมาว่า มีการปล่อยข่าวว่าผู้ที่กระทำความผิดเป็นผู้มีอิทธิพลและเป็นเด็กของนาย(ไม่รู้ว่าเป็นนายคนไหน) จึงมีการเคลียร์และจ่ายเงินชดใช้กันแล้วบางคน แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ยังถูกแอบอ้างปล่อยข่าวว่าได้รับเงินจากกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้ปิดข่าวด้วย ผู้ถูกสวมสิทธิ์หลายคนเกิดท้อใจและหวาดหวั่นว่าจะไม่สามรถเอาผิดทางกฎหมายได้ เหตุเพราะพนักงานสอบสวนยังไม่รับเป็นคดีซะทีตั้งแต่ไปแจ้งความมาก็หลายวันแล้วบางคนบ่นให้ผู้สื่อข่าวฟัง ด้านนายมนตรี จารุธำรง นายอำเภอพรเจริญ ซึ่งทราบข่าวว่าชาวนาที่ถูกสวมสิทธิ์ ต่างมีความกังวลวุ่นวายใจ ต่างไม่เป็นอันหลับอันนอนเกรงจะถูกดำเนินคดี เพราะมีรายชื่อตัวเองปรากฏในใบรับพันธุ์ข้าวด้วย ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ในฐานะศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ จะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องในคดีไม่ว่าจะเป็น จนท.ศูนย์ฯ ตำรวจ กลุ่มชาวนาผู้เสียหายและผู้ที่เป็นประธานกลุ่มฯ มาชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อระงับเหตุความวุ่นวายกังวลใจให้พี่น้องจะได้สบายใจลดความกังวลใจลงได้ ภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ แหล่งข่าวจากทางตำรวจแย้มข่าวมาว่า เหตุที่คดีล่าช้าสวนหนึ่งมาจาก พงส.ยังไม่แน่ใจว่า คดีนี้จะเกี่ยวกับ ป.ป.ช.หรือไม่ เพราะชาวนาสงสัยว่า จนท.ศูนย์ฯ มีเอี่ยวด้วย จึงสามารถอ้างเป็นประธานกลุ่มฯ แล้วเซ็นรับเมล็ดพันธุ์ข้าวออกไปคนเดียวแล้วไปขายต่อกระสอบละ 6-700 บาทได้ พงส.จึงได้แต่บันทึกปากคำผู้เสียหายเอาไว้ แต่ยังไม่ตัดเลขคดีเท่านั้น.
    
นิธิศักดิ์  เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399