นายก อบต.ผาตั้ง เอื้อนายทุนบรรทุกดิน ถนนหลวงพังยับ ปกปิดข้อมูลข่าวสาร ไม่สนความเดือนร้อนประชาชน
นายก อบต.ผาตั้ง เอื้อนายทุนบรรทุกดิน ถนนหลวงพังยับ ปกปิดข้อมูลข่าวสาร ไม่สนความเดือนร้อนประชาชน
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนเพิ่มเติมจากชาวบ้านในเขตพื้นที่ตำบลผาตั้ง หลายครั้ง ว่ามีรถบรรทุกสิบล้อบรรทุกดิน บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและไม่ปกคลุมผ้าใบ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่และประชาชนที่สัญจรไปมา สื่อมวลชนลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าในพื้นที่ อบต.ผาตั้ง มีการบ่อขุดดินจำนวน 4 บ่อ โดยบ่อขุดดินอยู่ที่ บ้านลำภูพาน หมู่ 3 (สายห้วยบง - วัดพระพุทธบาทผาจ่อง) สื่อมวลชนได้รับแจ้งอีกว่าที่ขุดดินทั้ง 2 บ่อไม่ใช่ที่ดินโฉนดที่จะซื้อขายหน้าดินได้ สื่อมวลชนจึงได้ลงพื้นที่สอบถามคนขับรถแบ็คโฮ คนขับรถแบ็คโฮ แจ้งว่านายทุนผู้ประกอบการดำเนินการขุดดินชื่อเสี่ยโหม๋ง โดยเสี่ยโหม๋งได้บอกกับคนขับรถแบ็คโฮ ว่าที่ดินที่ขุดดินนั้นเป็นที่ดินที่มีโฉนดตราครุฑ แต่คนขับแบ็คโฮก็ไม่มีเอกสารให้สื่อมวลชนดู และดินที่บรรทุกออกไปจากบ่อดินทั้งสองบ่อดังกล่าว เพื่อนำดินไปขายให้กับ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมห้วยน้ำโสม โดยใช้เส้นทางจากบ่อดิน ผ่านถนนลูกรังเพื่อการเกษตรบ้านลำภูพาน หมู่ 3 (สายห้วยบง - วัดพระพุทธบาทผาจ่อง) ถนนหินคลุกบ้านลำภูพาน หมู่ 3 (สายห้วยบง - นาหนอง) ผ่านถนนลาดยาง ผ่านถนนสายลำภูพาน - นาโคก ผ่านบ้านปากโสม หมู่ 2 และหมู่ 3 ก่อนเข้าถนนทางหลวงเข้าสู่ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมห้วยน้ำโสม ส่งผลให้ถนนพัง และประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณ ดังกล่าวและประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเป็นบริเวณเขตพื้นที่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
สื่อมวลชนจึงได้เข้าพบนายก และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง แต่ไม่พบนายก และเจ้าหน้าที่ ที่จะให้ข้อมูลได้ โดยได้รับแจ้งจากพนักงานลูกจ้างว่านายก พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ไปเที่ยว (ทัศนศึกษา) สื่อมวลชนจึงไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง
ซึ่งถนนเส้นทางสายดังกล่าวนี้สื่อมวลชนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หลายครั้ง และสื่อมวลชนก็ลงพื้นที่นำเสนอข่าวหลายครั้ง พร้อมได้ยื่นหนังสือให้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ และคนขับรถบรรทุกดิน เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 แต่ นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ก็ไม่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ประกอบการพร้อมคนขับรถบรรทุกดินในฐานะผู้เสียหาย เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อาจมีการใช้ตำแหน่งราชการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนผู้ประกอบการพวกพ้องเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 สื่อมวลชนได้ยื่นหนังสือร้องขอคัดถ่ายข้อมูลข่าวสาร เรื่องขออนุญาตขุดดินในพื้นที่ แต่ นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ก็ไม่ยอมให้เอกสารในห้วงเวลาอันสั้นเพื่อที่จะได้ร่วมมือกันลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อจะได้แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนได้โดยเร็ว แต่นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนตามตำแหน่ง หน้าที่บนความรับผิดชอบของตน สื่อมวลชนจึงได้ยื่นหนังสือติดตามทวงถามข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ม.ค.67 นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง จึงได้ยอมให้เอกสารตามที่ร้องขอข้อมูล แต่จงใจปกปิดข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบ อาทิ เลขที่โฉนดที่ดิน ชื่อนามสกุลผู้ขออนุญาตขุดดินขนดิน ฯลฯ ลงนามในเอกสารโดย นางสาวยุคลธรณ์ ไชยคราม นิติกรปฏิบัติการ การที่นางสาวยุคลธรณ์ ไชยคราม นิติกรปฏิบัติการ ร่วมมือกับนายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบตามข้อร้องเรียน และจงใจปิดบังข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ เพื่อประวิงเวลาออกไปปล่อยปละละเลย เอื้อประโยชน์ให้นายทุนผู้ประกอบการวิ่งบรรทุกดินอย่างหนักหลายคันหลายเที่ยวต่อวัน จึงทำให้ถนนหลวงที่สร้างด้วยเงินภาษี หลายเส้นทางหลายสาย เกิดความเสียหายอย่างมากและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะอาจมีผลประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายมาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่อย่างไร สื่อมวลชนจะได้ติดตามความคืบหน้านำเสนอข่าวสารตามความเป็นจริงบนความถูกต้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและรักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
สื่อมวลชนจึงได้เข้าพบนายก และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง แต่ไม่พบนายก และเจ้าหน้าที่ ที่จะให้ข้อมูลได้ โดยได้รับแจ้งจากพนักงานลูกจ้างว่านายก พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ไปเที่ยว (ทัศนศึกษา) สื่อมวลชนจึงไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง
ซึ่งถนนเส้นทางสายดังกล่าวนี้สื่อมวลชนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หลายครั้ง และสื่อมวลชนก็ลงพื้นที่นำเสนอข่าวหลายครั้ง พร้อมได้ยื่นหนังสือให้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ และคนขับรถบรรทุกดิน เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 แต่ นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ก็ไม่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ประกอบการพร้อมคนขับรถบรรทุกดินในฐานะผู้เสียหาย เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อาจมีการใช้ตำแหน่งราชการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนผู้ประกอบการพวกพ้องเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 สื่อมวลชนได้ยื่นหนังสือร้องขอคัดถ่ายข้อมูลข่าวสาร เรื่องขออนุญาตขุดดินในพื้นที่ แต่ นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ก็ไม่ยอมให้เอกสารในห้วงเวลาอันสั้นเพื่อที่จะได้ร่วมมือกันลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อจะได้แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนได้โดยเร็ว แต่นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนตามตำแหน่ง หน้าที่บนความรับผิดชอบของตน สื่อมวลชนจึงได้ยื่นหนังสือติดตามทวงถามข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ม.ค.67 นายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง จึงได้ยอมให้เอกสารตามที่ร้องขอข้อมูล แต่จงใจปกปิดข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบ อาทิ เลขที่โฉนดที่ดิน ชื่อนามสกุลผู้ขออนุญาตขุดดินขนดิน ฯลฯ ลงนามในเอกสารโดย นางสาวยุคลธรณ์ ไชยคราม นิติกรปฏิบัติการ การที่นางสาวยุคลธรณ์ ไชยคราม นิติกรปฏิบัติการ ร่วมมือกับนายยุธยา สงฆ์สนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผาตั้ง ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบตามข้อร้องเรียน และจงใจปิดบังข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ เพื่อประวิงเวลาออกไปปล่อยปละละเลย เอื้อประโยชน์ให้นายทุนผู้ประกอบการวิ่งบรรทุกดินอย่างหนักหลายคันหลายเที่ยวต่อวัน จึงทำให้ถนนหลวงที่สร้างด้วยเงินภาษี หลายเส้นทางหลายสาย เกิดความเสียหายอย่างมากและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะอาจมีผลประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายมาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่อย่างไร สื่อมวลชนจะได้ติดตามความคืบหน้านำเสนอข่าวสารตามความเป็นจริงบนความถูกต้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและรักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป