ศรีสะเกษ พายุฝนถล่มกันสาดตึกพัง 7 คูหาทับรถเก๋งเสียหาย 1 คัน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุข้อเท็จจริง  

 

เมื่อเวลา 17.05 น.วันที่ 21 ก.ค. 64  ร.ต.อ.สำราญศักดิ์  แซงเพชร  ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุพายุฝนถล่มทำให้กันสาดตึกอาคารพานิชย์ 3 ชั้นที่บริเวณสี่แยกศรีไทยไวน์ ถ.หลักเมือง ต.เมืองใต้  อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พังลงมาทำให้ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย จึงได้รายงานให้  พ.ต.อ.เทพพิทักษ์  แสงกล้า  ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษทราบ และรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ   เมื่อไปถึงพบว่า กันสาดตึกชั้นล่างของอาคารพานิชย์ ซึ่งทำด้วยโครงเหล็กมุงด้วยสรรไท เป็นแนวกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 28 เมตร จำนวน 7 คูหา ได้พังลงมาทับหลังคาของรถเก๋งยี่ห้อ เอ็มจี สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 9 กฉ 6953 กรุงเทพมหานคร  ได้รับความเสียหาย  เศษอิฐเศษปูนตกลงมาใส่กระโปรงหน้ารถเก๋ง  ป้ายชื่อร้านคลินิคแพทย์ 2 ป้ายพังเสียหาย  แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด  

 

 

 

 

ต่อมานายศิริภพ   บุญลพ  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองศรีสะเกษได้เข้ามาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น  จากนั้น  ได้แจ้งให้ นายฉัฐมงคล   อังคสกุลเกียรติ  นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษทราบ และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองศรีสะเกษ เข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชนเป็นการเบื้องต้น โดยจะต้องนำเอาโครงหลังคากันสาดออกไปก่อน  เพื่อป้องกันไม่ให้หลังคาหลุดพังลงมาทับประชาชนและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

น.ส.นันทิกานต์   บุญเย็น  อายุ  26 ปี  เจ้าของรถเก๋งเอ็มจีที่โดนกันสาดพังลงมาทับเสียหาย  กล่าวว่า  ก่อนเกิดเหตุจะมีลมพายุฝนพัดโหมกระหน่ำมาอย่างรุนแรงมาก  ตนกำลังทำงานอยู่ ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ของคลีนิควิ่งเข้ามาบอกว่า กันสาดพังทับลงมาโดนรถเก๋ง ตนจึงได้รีบวิ่งออกมาดู และพบว่ารถเก๋งของตนโดนโครงหลังคากันสาดพังทับลงบนหลังคารถเก๋งของตนได้รับความเสียหาย  ซึ่งตนได้แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบแล้วเพื่อจะได้มาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถเก๋งของตน เพื่อจะได้เคลมประกันต่อไป

ร.ต.อ.สำราญศักดิ์  แซงเพชร  ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว โดยเรื่องนี้ไม่ใช่คดีอาญาเพราะว่า คดีอาญาจะดูที่เจตนา ซึ่งตนจะได้สอบสวนหาสาเหตุข้อเท็จจริงของการเกิดเหตุครั้งนี้ ว่าทำให้ผู้ใดได้รับความเสียหายหรือไม่อย่างไรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป////

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ