ประธานอนุบาลพร้อมฟ้อง ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา รร.อนุบาลนครสวรรค์ ตอบโต้กบุ่มผู้ทำลายชื่อเสียง ยืนยันพร้อมดำเนิคดีหากถูกใส่ร้าย
นายปิยชาติ อ้นสุวรรณ์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯชุดปัจจุบันมีจำนวน 15 คน ประกอบด้วยสัดส่วนจาก ครู ผู้ปกครอง องค์กรปกครองท้องถิ่น และภาคส่วนอื่นๆ จำนวน 15 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และมีความเสียสละเป็นที่ประจักษ์ คณะกรรมการดังกล่าวได้ทำหน้าที่มา 4 ปี ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ด้านวิธีการทำงาน คณะกรรมการฯได้ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัดตลอดมา ต่อมาในปีการศึกษา 2566 ได้มีผู้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินของผู้ปกครองที่สนับสนุนโครงการสองภาษา และโครงการวิทย์-คณิต ว่ามีการใช้เงินไม่ถูกต้อง ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์เขต 1 ได้รับเรื่องร้องเรียน ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาหลักฐานและผู้อำนวยการโรงเรียนในขณะนั้น ได้ทำบันทึกขอย้ายไปช่วยราชการที่โรงเรียนอื่น เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
ต่อมาประธานและคณะกรรมการสถานศึกษา หลายๆท่าน ทราบว่ามีการปล่อยข่าวโจมตีคณะกรรมการตามที่ต่างๆ ทั้งด้วยวาจา รวมถึงมีการใช้บัตรสนเท่ห์โจมตี สรุปได้ 3 ประเด็น คือ
1. กล่าวหากรรมการสถานศึกษาว่าได้ร่วมกับผู้อำนวยการ นำเงินของผู้ปกครองจำนวน 8-10 ล้าน ไปใช้ส่วนตัว ทั้งที่เงินนี้เปิดบัญชีโดยมีอดีตนายกสมาคมผู้ปกครองและครูฯ ผู้บริหาร และรองผู้บริหาร ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งบัญชีนี้มีการเปิดมาก่อนแล้ว ส่วนเรื่องการใช้จ่ายเงิน ทางโรงเรียนได้มีทั้งผู้บริหาร ครู และตัวแทนผู้ปกครองรับรู้ ทั้งยังร่วมกันทำโครงการเพื่อพัฒนาโรงเรียน แต่ทางตัวแทนผู้ปกครองกลับสื่อสารออกไปว่าตนเองไม่รู้เรื่อง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเป็นการให้การเท็จ ซึ่งคณะกรรมการสถานศึกษามีหน้าที่ดูแลเงินของทางราชการเท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลเงินก้อนนี้ แต่ได้ให้คำแนะนำว่า ควรนำเงินเข้าเข้าระบบโรงเรียน เพื่อจะได้ใช้ให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งยังไม่ดำเนินการและบอกว่า “ยุ่งยากในการใช้เงิน”
2. กล่าวหาว่าคณะกรรมการได้ออกระเบียบห้ามครูจัดสอนพิเศษในโรงเรียน เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงคณะกรรมการไม่มีอำนาจออกระเบียบ แต่เป็นเพียงการแนะนำให้ปฎิบัติตามระเบียบของทางราชการที่มีอยู่แล้ว คือ จัดสอนเสริมจัดสอนพิเศษได้ แต่ห้ามเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครอง
เรื่องที่มีผู้นำมาโจมตี กล่าวหากันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เคยชี้แจงในที่ประชุมร่วมทุกฝ่ายแล้ว แต่ยังมีบางคนที่ไม่ยอมรับฟังข้อเท็จจริง ซึ่งการตรวจสอบสามารถทำได้และจะเป็นผลดี แต่การออกมาใส่ร้ายกันลับหลัง นอกจากจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหายแล้ว ยังทำให้โรงเรียนพลอยเสื้อมเสียชื่อเสียงไปด้วย กลุ่มคนที่สร้างปัญหาดังกล่าวมีบางคนเคยเป็นครู บางคนเคยเรียนที่โรงเรียนนี้ ทุกคนล้วนแต่เคยอาศัยชายคาที่นี่ทำมาหากิน และได้ความรู้ไปประกอบอาชีพ ดังนั้นควรสำนึกและตอบแทนโรงเรียนด้วยความกตัญญูกตเวที
3. มีการชี้นำและก้าวก่ายหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษา แต่คณะกรรมการไม่ยินยอม ไม่คล้อยตาม กลุ่มคนเหล่านี้จึงสร้างกระแสใส่ร้ายมาโดยตลอด
นายปิยชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ตลอด 4 ปี คณะกรรมการได้เข้ามาจัดระเบียบ แต่ทำให้คนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ จึงไม่พอใจ ซึ่งขณะนี้มีหลักฐานบางส่วนแล้ว หากยังไม่หยุดสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง สร้างความเดือดร้อน คณะกรรมการจะดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมายต่อไป"
////
ชาติชาย เกียรติพิริยะ/นครสวรรค์