อ้างเป็นสื่อ โชว์กร่าง ตวาดเสียงดังข่มขู่สรรพสามิต ตรวจสอบรถแดง ผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้าตรวจสอบรถยนต์สีแดงเก๋งแบบนั่งตอนเดียว ขนาด 1200 ซีซี ผิดพระราชบัญญัติสรรพสามิต ตามที่เป็นข่าวทางโซเชียลที่นายสุริยา พิมพิลา ถ่ายวีดีโอโพสต์ลงในโซเชียล แอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค และแอพพลิเคชั่นไลน์กลุ่มหลายกลุ่ม ซึ่งในคลิปวีดีโอปรากฏ เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต จ.ส.อ.อัครพล ธนะโชติเดชา เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่อุดรธานี ได้ขอเข้าตรวจสอบรถยนต์สีแดง ที่ครอบครองโดย นายสุริยา พิมพิลา โดย นายสุริยา พิมพิลา ได้ถ่ายคลิปวีดีโอโพสต์ลงในแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค และในแอพพลิเคชั่นไลน์ พูดในลักษณะ โชว์กร่าง ตวาดเสียงดังข่มขู่ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต อ้างว่าตนเป็นหัวหน้าผู้สื่อข่าวภาคอีสาน , ประธานเครือข่ายประชาชนตรวจสอบปราบทุจริตภาคอีสาน หากเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตตรวจสอบรถของตนเอง จะต้องตรวจสอบรถผู้อื่นด้วยซึ่งในจังหวัดอุดรธานีมีหลายคันและตนเองจะเป็นผู้ชี้เป้าให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ก่อนที่จะยินยอมให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตตรวจสอบ หลังจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่ผิดกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติสรรพสามิต โดยรถยนต์สีแดงเก๋งแบบนั่งตอนเดียว ขนาด 1200 ซีซี ไม่มีหมายเลขเครื่องยนต์ และไม่มีหมายเลขตัวถัง ซึ่งประเมินราคามีมูลค่าราคา 241,333 บาท เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต จึงได้แจ้งกับ นายสุริยา พิมพิลา ให้เข้าไปดำเนินการเสียค่าปรับ แต่นายสุริยา พิมพิลา ยังคงเพิกเฉยไม่ได้เข้าไปประสานในการชำระค่าปรับต่อสรรพสามิตพื้นที่อุดรธานี ซึ่งทางผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน ได้ติดตามคดีดังกล่าวมาโดยตลอด ต่อมาทราบว่า จ.ส.อ.อัครพล ธนะโชติเดชา เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญการ กรมสรรพสามิต ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี โดยมี ร.ต.ท.อรรฆฤทธิ์ เป็นสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ก่อนส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดอุดรธานี ยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาต่อ นายสุริยา พิมพิลา ที่ศาลจังหวัดอุดรธานี เป็นคดีความอาญา คดีหมายเลขดำที่ อ.558/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.786/2566 ฐานความผิด ความผิดต่อพระราชบัญญัติภาษีกรมสรรพสามิต โดยนายสุริยา พิมพิลา ในฐานะจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลจังหวัดอุดรธานี ได้โปรดมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 “พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203 (1) ปรับ 193,066.4 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ริบของกลาง” และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจะได้เข้าดำเนินการยึดรถยนต์สีแดงเก๋งแบบนั่งตอนเดียว ขนาด 1200 ซีซี คันดังกล่าว ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ไม่มีหมายเลขเครื่องยนต์ และไม่มีหมายเลขตัวถัง เข้าเก็บไว้ที่สรรพสามิตพื้นที่อุดรธานี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนขายทอดตลาด หรือบริจาคให้สถานศึกษาต่อไป