ศาลพิพากษาจำคุก ไม่รอลงอาญา “ไอ้เมฆ” ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังก่อเหตุเย้ยกฎหมาย ขับรถปาดหน้าประกบรถนักข่าววัย 69 ปี อดีตนายกสมาคมสื่อฯ กลางเมืองเพชรบูรณ์ ใช้ท่อนเหล็กทุบเจ็บสาหัส     

       ศาลพิพากษาจำคุก ไม่รอลงอาญา “ไอ้เมฆ” ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังก่อเหตุเย้ยกฎหมาย ขับรถปาดหน้าประกบรถนักข่าววัย 69 ปี อดีตนายกสมาคมสื่อฯ กลางเมืองเพชรบูรณ์ ใช้ท่อนเหล็กทุบเจ็บสาหัส
  

         ศาลพิพากษาจำคุก ไม่รอลงอาญา “ไอ้เมฆ” ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังก่อเหตุเย้ยกฎหมาย ขับรถปาดหน้าประกบรถนักข่าววัย 69 ปี อดีตนายกสมาคมสื่อฯ กลางเมืองเพชรบูรณ์ ใช้ท่อนเหล็กทุบเจ็บสาหัส ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์พิพากษาจำคุก “ไอ้เมฆ” ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง อำเภอหล่มสัก 1 ปี 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ก่อคดีอุกอาจเย้ยกฎหมายขับรถปาดหน้าประกบรถนักข่าวกลางเมืองเพชรบูรณ์ ก่อนจอดลงใช้ท่อนเหล็กแป๊บตีแล้วกระทุ้งกระจกแตกทะลุไปถูกใบหูบาดเจ็บ ยังดีที่มีสติคว้าท่อนเหล็กดึงไว้ คนร้ายเลยรีบเผ่นหนี คาดสาเหตุมาจากนำทีมผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบกลุ่มอิทธิพลลักลอบเปิดบ่อนพนัน ป่ามะขาม ต.ยาวี อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เล่นกันโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ขณะที่ นายสิทธิชัย  ต๊ะอาจ ทนายความของนายศุภเดช  คำพุฒ ผู้เสียหาย เผย พอใจและเคารพคำตัดสินของศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ได้ให้ความยุติธรรมและเป็นธรรมกับตนจนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาจำนนด้วยหลักฐานต่างๆ ที่ใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้

                 เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ นายเอกฤกร  วัชรินทรางกูร อายุ 37 ปี อยู่ที่ ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จำเลยในคดีทำร้ายร่างกายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  นายศุภเดช  คำพุฒ อายุ 69 ปี อยู่ที่ 46 /11 ถนนสามัคคีชัย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าวส่วนกลางหลายฉบับ และเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชาวไทเพชรบูรณ์ อดีตนายกสมาคมสื่อฯ หลายสมัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจรักษาตัวที่ตึกอายุรกรรมธรรมวิสุทธิ์โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เหตุเกิดเวลา 10.45 น. วันที่ 30 มกราคม 2566 บริเวณริมถนนกลางเมืองใกล้ๆกับตลาดดาวเฮง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ห่างจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบูรณ์เพียง 200 เมตร ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ รวบรวมนำส่งพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีทั้งหลักฐานจากอาวุธและยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ ผลการตรวจดีเอ็นเอ คำให้การของพยานและกล้องวงจรปิด มีความชัดเจนเชื่อได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พร้อมกับจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ขณะศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยมีสีหน้าซีดเซียวอาการไม่สู้ดีนัก