"หญ้าแฝก...กับงานหัตถกรรม ช่วยสร้างรายได้"   

           "หญ้าแฝก...กับงานหัตถกรรม ช่วยสร้างรายได้"

       "...ทุกคนควรจะได้สนใจสังเกต ศึกษา เรื่องราวบุคคลและสิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมและเกี่ยวข้องกับตัวเองให้มาก อย่าละเลยหรือมองข้ามแม้แต่สิ่งเล็กน้อย เช่น ต้นหญ้า ซึ่งถ้าศึกษาพิจารณาให้ดีก็จะก่อให้เกิดปัญญาได้  หญ้า นั้นมีทั้งหญ้าที่เป็นวัชพืชซึ่งเป็นโทษ  และหญ้าที่มีคุณอย่าง "หญ้าแฝก" ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การอนุรักษ์ดินและน้ำเพราะมีรากที่หยั่งลึกและแผ่กระจายลงไปตรง ๆ  ทำให้อุ้มน้ำและยึดเหนี่ยวดินได้มั่นคงและมีลำต้นชิดติดกันแน่นหนาทำให้ดักตะกอนดินและรักษาหน้าดินได้ดี..."

      พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตร  เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 จากพระบรมราโชวาท จะเห็นว่าหญ้าแฝก มีคุณประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ ดังนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงมีพระราชดำริให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง ปลูกหญ้าแฝกและขยายพันธุ์ไปปลูกในพื้นที่เสี่ยงดินพังทลายและพื้นที่ทำการเกษตรเพราะหญ้าแฝกมีประโยชน์ในการยึดดินไม่ให้พังทลาย
       ส่วนในทางอุตสาหกรรมนั้นได้มีการนำส่วนต่าง ๆ ของหญ้าแฝก มาแปรรูปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ราก ใบ ดอก ส่วนใหญ่เราจะเห็นผลงานการใช้ใบหญ้าแฝกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มากที่สุดโดยเฉพาะเครื่องใช้และเครื่องประดับซึ่งมีวางจำหน่ายตามร้าน OTOP ในจังหวัดต่าง ๆ หรือมีการจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกในงานต่าง ๆ หรือที่ร้านภัทรพัฒน์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์หญ้าแฝก อย่างเช่นนางจินต์  เทพกำเนิด หรือป้าจินต์ เกษตรกรศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านผลิตภัณฑ์หัตถกรรมหญ้าแฝก  ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านเกาะสวาด  ตำบลไพรวัน  อำเภอตากใบ  จังหวัดนราธิวาส และ เป็นประธานกลุ่มแปรรูปหัตถกรรมหญ้าแฝก  เดิมป้าจินต์ มีอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า และจักสานกระจูดด้วยใจรัก อีกทั้งมีประสบการณ์และภูมิปัญญาที่สั่งสมมานาน คิดออกแบบลวดลายขึ้นเอง เมื่อนำผลิตภัณฑ์กระจูดส่งเข้าประกวด และได้รับรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ต่อมาในปี 2542 จึงจัดตั้งกลุ่มแปรรูปกระจูดขึ้นโดยมีนายอำนวย บุญอินทร์  จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  เป็นวิทยากรเข้ามาสอนการแปรรูปโดยนำเชือกกล้วยและใบหญ้าแฝกมาสอนให้แก่สมาชิก ตอนนั้นป้าจินต์ และสมาชิกไม่ทราบว่า หญ้าแฝกมีรูปร่างแบบไหนโดยเฉพาะใบที่วิทยากรนำมา เพื่อเป็นเป็นวัสดุในการสอน จากนั้นครูอำนวยให้เลือกใบที่สามารถใช้ได้ก็คือใบที่มีลักษณะยาว ใบใหญ่และนำไปตากแดดแล้ว จึงนำมาสานขึ้นรูปแรก ๆ ใบหญ้าแฝกก็บาดนิ้วมือเพราะใบหญ้าแฝกแข็ง มีความคมทำให้บาดนิ้วมือได้  จากนั้นป้าจินต์ และสมาชิกเมื่อได้รู้จักใบหญ้าแฝกจึงไปตามหาที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เจ้าหน้าที่ก็ให้การสนับสนุนใบหญ้าแฝก และไปขอสนับสนุนหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ศูนย์จึงมอบต้นพันธุ์หญ้าแฝกเพื่อนำไปปลูกเอง และเมื่อทราบว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้นำหญ้าแฝกมาปลูกในประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ป้าจินต์กับสมาชิกจึงได้หันมาแปรรูปใบหญ้าแฝกอย่างจริงจัง นำมาจักสานเป็นผลิตภัณฑ์นานาชนิด  ซึ่งหญ้าแฝกที่นำมาปลูกในคราวนั้นก็คือหญ้าแฝกพันธุ์สงขลา 3  ใบจะมีความเหนียวนุ่ม มีความคมน้อย สีออกขาวนวล ติดสีได้ดี และทนเหมาะสำหรับจักสานเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะใบมีความเหนียวและนุ่ม นำไปขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ได้ง่ายทำให้ผลิตภัณฑ์มีความทนทานและแข็งแรง
           

         กว่าจะได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละอันพันละอย่างต้องนำหญ้าแฝกมาผ่านกระบวนการตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษา  การตัดใบมาใช้งาน ซึ่งต้องคัดเลือกใบหญ้าแฝกพร้อมใช้และนำไปตากแดดประมาณ 5 วัน จากนั้นนำไปอบกำมะถันภายในโอ่งประมาณ 12 ชั่วโมง เสร็จแล้วเอาไปผึ่งลมให้แห้ง จึงนำไปใช้งานได้แต่ถ้าเราต้องการใช้ใบหญ้าให้มีสีสันหลังจากที่ตากแดดไว้ 5 วันแล้ว ให้นำมาย้อมสีได้ทันที          
        ปัจจุบันกลุ่มแปรรูปหัตถกรรมหญ้าแฝกบ้านเกาะสวาดของกลุ่มป้าจินต์ มีสมาชิก 6  คน และทุกคนก็แปรรูปผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝกเรื่อยมา ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ฝากจำหน่ายที่งานส่งเสริมอุตสาหกรรม ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ  ซึ่งการแปรรูปนั้นยังคงทำอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่งานส่งเสริมอุตสาหกรรม ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ร่วมคิดออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และสอนให้แก่สมาชิกในกลุ่มได้พัฒนาฝีมือการจักสานผลิตภัณฑ์ ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น และช่วยผลักดันการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปสู่ร้านภัทรพัฒน์ จนประสบผลสำเร็จ  จากนั้นมีออร์เดอร์จากร้านภัทรพัฒน์เข้ามาเรื่อยๆ หากสมาชิกคนไหนที่ทำได้มากก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย  ผลิตภัณฑ์หญ้าแฝก สามารถสร้างรายได้ให้สมาชิกทุกคนโดยเฉลี่ย 3,000 บาทต่อเดือน
ด้านผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกของกลุ่มแปรรูปหัตถกรรมหญ้าแฝกบ้านเกาะสวาดได้ถูกนำไปโชว์และจำหน่ายในงานต่าง ๆ โดยเฉพาะงานหญ้าแฝกโลก ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29-31 พฤษภาคม 2566 ณ จังหวัดเชียงใหม่ สินค้าที่ขายดีมากคือถังอเนกประสงค์แบบหลากสี มีสีสันสวยงามรวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
           

           ส่วนผลงานนั้นป้าจินต์ ได้คิดออกแบบและต่อยอดผลิตภัณฑ์รูปแบบต่าง ๆ หรือไม่ลูกค้าที่มีออร์เดอร์จะส่งแบบมาให้ทำก็มีบ้าง  ป้าจินต์ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มว่า "ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมหญ้าแฝกทุกชิ้นล้วนจักสานถักทอด้วยใจรักจากสมาชิกทุกคน เรามีความสุขความเพลิดเพลินเมื่อยามที่พวกเราได้มาพบหน้าร่วมพูดคุยกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และนั่งทำงานไปด้วย ที่สำคัญได้ชิ้นงานที่เกิดจากความรักความศรัทธาในอาชีพและภูมิปัญญาของสมาชิกทุกคน จึงทำให้พวกเรารู้สึกภูมิใจในอาชีพนี้มาก ขอบคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทำให้เรารู้จักหญ้าแฝกและสามารถสร้างรายได้ให้พวกเราได้"