ร.13 พัน.1 ร่วมพิธีบวงสรวงและวางพวงมาลาอนุเสาวรีย์พระยาสุนทรธรรมธาดา       


เมื่อวันที่ 22  พฤษภาคม 2566 พันโท เศรษฐสิทธิ์ พวงบานเย็น ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13  มอบหมายให้ผู้แทนของหน่วยเข้าร่วมพิธีบวงสรวง และวางพวงมาลาอนุเสาวรีย์พระยาสุนทรธรรมธาดา  ณ วงเวียนอนุสาวรีย์พระยาสุนธรธรรมธาดา ถนนพิสัยสรเดช อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยมีส่วนราชการ, หน่วยงานภาครัฐ - ภาคเอกชน, แขกผู้มีเกียรติ,เจ้าหน้าที่จากส่วนงานองค์กรต่างๆ พ่อค้า และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีฯ ในครั้งนี้ เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมผู้กล้าหาญในการรบ และเป็นกำลังสำคัญแก่บ้านเมือง  ทั้งนี้ได้สอบถาม คุณแม่ลาวัน  ไชยสุริยา ซึ่งเป็นหลานของพระยาสุนทรธรรมธาดา ถึงเรื่องประวัติความเป็นมา และวีรกรรมต่างๆ ที่ท่านได้ประกอบคุณงามความดีให้แก่ชาวอำเภอโพนพิสัยมากมาย  และชาวอำเภอโพนพิสัยจะทำการประกอบพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระยาสุนทรธรรมธาดา ทุกวันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปี 
พระยาสุนธรธรรมธาดา (คำสิงห์  สิงห์ศิริ) เป็นบุตรของพระฤกษ์มนตรีและนางทองสี  เกิดที่บ้านจอมนาง   อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เมื่อวันอังคาร ปีมะโรง เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2375 เมื่อ พ.ศ.  2380  เริ่มเรียนหนังสือไทยจากท่านครูหลักคำ จนเมื่ออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา 2 พรรษา ที่วัดจุมพล อำเภอโพนพิสัย จากนั้นได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายกอง บัญชีอยู่กับเจ้าเมืองโพนพิสัย มีหน้าที่สำรวจไพร่พลและเตรียมเสบียงอาหารสมทบกองทัพหลวง ซึ่งไปจากพระนคร พ.ศ. 2397  ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายกองบัญชี
พ.ศ. 2398 ได้รับพระราชทานตราตั้งเป็นท้าวพรหมสาร
พ.ศ. 2401 ได้รับพระราชทานตราตั้งเป็นเจ้าเมืองประชุมพนาลัย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองบริคัณฑ์นิคม อยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง คือแขวงบริคัณฑ์ ในประเทศลาวปัจจุบัน) ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นที่ พระศรีสุรศักดิ์สุนทร
พ.ศ. 2426 มีพวกฮ่อเข้ามาปล้นชายพระราชอาณาเขตทางแคว้นสิบสองจุไทย จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชวรานุกูล พระยาสุโขทัย เป็นแม่ทัพเกณฑ์ไพร่พลทางหัวเมืองตะวันออกเฉียงเหนือไปปราบฮ่อ พระศรีสุรศักดิ์สุนทร (คำสิงห์ สิงห์ศิริ) ได้ร่วมทัพหลวงเป็นแม่กองออกสู้รบปราบฮ่อ ถ้ามีข้าศึกมาย่ำยีอาณาเขตทางด้านนี้ ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นแม่กองต่อต้านศึกด้วยทุกครั้ง จนเป็นที่พึงพอใจของทางราชการทุกครั้ง
พ.ศ. 2434 ได้ติดตามพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม  ข้าหลวงต่างพระองค์มณฑลฝ่ายเหนือเข้าไปกรุงเทพฯ ถวายตัวเป็นมหาดเล็กหลวงในรัชกาลที่ 5 สังกัดกรมมหาดเล็กเวรสิทธิ์
พ.ศ.2436 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่กองไปขัดตาทัพต่อสู้ฝรั่งเศสที่แก่งเก  ซึ่งเข้ามายึดดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงจนเหตุการณ์ด้านนี้สงบลง และดินแดนทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงตกไปเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส รวมทั้งเมืองบริคัณฑ์นิคมด้วย  จึงโปรดเกล้าฯให้พระศรีสุรศักดิ์สุนทร (คำสิงห์  สิงห์ศิริ) อพยพครอบครัวผู้คนมาตั้งบ้านอยู่บ้านหนองแก้ว ริมฝั่งแม่น้ำโขงด้านตะวันตก แขวงเมืองโพนพิสัย และโปรดเกล้าให้ยกบ้านหนองแก้วขึ้นเป็น  "เมืองรัตนวาปี" เมื่อ พ.ศ.2437 ส่วนพระยาศรีสุรศักดิ์สุนทร (คำสิงห์  สิงห์ศิริ) พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น พระรัตนเขตรักษา เจ้าเมืองรัตวาปี คนแรก
พ.ศ.2436 ได้โปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ ร.ศ.116
พ.ศ. 2440 พระราชทานตราตั้งให้พระรัตนเขตรักษา (คำสิงห์  สิงห์ศิริ) เป็นพระยาโพนพิสัยสรเดช เจ้าเมืองโพนพิสัย ตามนามเมือง และยุบเมืองรัตนวาปีเป็นอำเภอสังกัดเมืองอุดรธานี ต่อมาทางราชการก็ยุบเมืองโพนพิสัยเป็นอำเภอ ขึ้นกับเมืองหนองคาย
พ.ศ.2544 เป็นแม่กองสมทบกองทัพหลวงไประงับเหตุเรื่องผีบาปผีบุญที่เมืองอุดรธานี เมืองสกลนคร และมืองนครพนม จนเหตุการณ์สงบเรียบร้อย นอกจากนี้ยังเป็นแม่กองระงับเหตุที่พวกเงี้ยวก่อการจราจลทางเมืองบ่อแต และเมืองแทนท้าว ในท้องที่อำเภอด่านซ้าย อำเภอท่าลี่ และอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ได้รับตราเป็นบำเหน็จ ส่วนการปฏิรูปการปกครองตามระบบเทศาภิบาลนั้นก็ดำเนินต่อไป จนเมื่อยุบเมืองโพนพิสัยเป็นอำเภอแล้วพระยาโพนพิสัยสรเดช (คำสิงห์  สิงห์ศิริ) ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอโพนพิสัย ตั้งแต่ปี 2450 จนกระทั่ง ปี 2459 จึงออกจากราชการเพื่อรับพระราชทานเบี้ยหวัดปีละ 500 บาท เนื่องจากพระยาโพนพิสัยสรเดช  (คำสิงห์  สิงห์ศิริ)  มีความดีความชอบต่อแผ่นดินมาแต่อดีต พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาสุนทรธรรมธาดา เป็นต้นตระกูล "สิงห์ศิริ" เป็นเกียรติยศต่อวงศ์ตระกูลสืบไป
     พระยาสุนทรธรรมธาดา (คำสิงห์  สิงห์ศิริ)  ล้มป่วยด้วยโรคชราถึงแก่อนิจกรรม เวลา 09.10 นาฬิกา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2497 สิริอายุ 122 ปี
//////////////////////////////////////
ข้อมูลภาพข่าว
ร.ต.กฤษฎา มณีใส
เบอร์โทรศัพท์  0885397430
กรมทหารราบที่ 13