บึงกาฬ อบจ.ม่วนชื่นสุดเบิกบานสงกรานต์รดน้ำไหว้พระขอพร เพื่อเป็นกำลังใจแก่พนักงานทุกคนที่เสียสละทำงานมาร่วมปี ซึ่งมีรางวัลใหญ่พร้อมที่จะมอบให้สำหรับผู้ที่โชคดี  

      บึงกาฬ อบจ.ม่วนชื่นสุดเบิกบานสงกรานต์รดน้ำไหว้พระขอพร  

        วันที่ 11 เม.ย.ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ได้มีพิธีถวายเลี้ยงเพลพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป นำโดยพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโสภณ วิ.74หรือหลวงปู่เทพา ภูริปัญโญ เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ ฝ่าย มหานิกาย ได้มาเทศนาโปรดญาติโยมเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทยๆ หรือวันสงกรานต์ โดยการนำของ นางแว่นฟ้า ทองศรีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ นายไตรภพ รำเพยพล และนางกันยา อนันตทัศน์ รองนายกฯ สมาชิก ส.อบจ.ทั้ง 24 คน ฝ่ายเลขาฯ ปลัด อบจ. ผอ.กอง เจ้าหน้าที่และพนักงาน ร่วมใจกันทำบุญฟังพระธรรมเทศนา ถวายภัตตาหารเพล ก่อนที่จะมีการสรงน้ำท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโสภณ วิ.และขอพรจากท่านเจ้าคุณ หลังจากเสร็จพิธีทางพระ จึงได้มีพิธีการรดน้ำดำหัวคณะผู้บริหาร มีนางแว่นฟ้า ทองศรี นายกฯ รองนายก เลขา ปลัด อบจ. ส.อบจ.และผอ.กอง หลังจากพิธีรดน้ำดำหัวขอพรกันเสร็จก็ได้มีการรดน้ำสาดน้ำซึ่งกันและกันของพนักงานหนุ่มๆ สาวๆ เพื่อคลายความร้อนกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางอากาศร้อนจัดเกือบ 40 องศาเซลเซียส แต่ในพิธีในงานนี้ได้จัดในร่มหอโดม จึงผ่อนคลายความร้อนจัดไปได้ จากนั้นได้มีพิธีจับสลากลุ้นรับของขวัญรางวัล เพื่อเป็นกำลังใจแก่พนักงานทุกคนที่เสียสละทำงานมาร่วมปี ซึ่งมีรางวัลใหญ่พร้อมที่จะมอบให้สำหรับผู้ที่โชคดีจับสลากได้รางวัล เช่น ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ จำนวนมากมาย สร้างความชื่นมื่นตื่นเต้นดีใจให้กับพนักงาน และลูกจ้างกันทุกคนเป็นอย่างมาก จากนั้นได้ร่วมกันทำความสะอาดบริเวณสำนักงาน อบจ.ก่อนจะแยกกันกลับบ้าน

 

       สงกรานต์ เป็นประเพณีอันดีงามอันสืบทอดมาตั้งแต่โบราณคู่กับตรุษ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ อันหมายถึง การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เดิมทีการจัดเทศกาลแบบนี้ มาจากการคำนวณทางดาราศาสตร์ แต่ในปัจจุบันมีวันกำหนดแน่นอน คือวันที่ 13 – 15 เมษายน ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ในสมัยโบราณ พิธีสงกรานต์เป็นพิธีกรรมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว หรือหมู่บ้าน แต่ ณ ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมวงกว้างทั้งประเทศ และพบแนวโน้มทัศนคติและความเชื่อที่เปลี่ยนไป สำหรับความเชื่อดั้งเดิมใช้น้ำเป็นองค์ประกอบหลักในพิธี คือ ใช้น้ำเป็นตัวแทนเพื่อแก้กับฤดูร้อน ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำอันฉ่ำเย็นรดให้แก่กันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ รวมถึงระลึกต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ส่วนสังคมไทยสมัยใหม่ ก็เกิดประเพณีกลับบ้านในช่วงวันหยุดยาว นับเป็นวันครอบครัว ซึ่งทุกคนต่างมีความสุข ในพิธีแบบดั้งเดิมมีการสรงน้ำพระ เพื่อเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีสิริมงคล รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์เพื่อการท่องเที่ยวว่าเป็น Water Festival สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเราด้วย.

นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399