“อลงกรณ์”มั่นใจประชาธิปัตย์คัมแบ็ค ประชาชนขานรับนโยบายธนาคารหมู่บ้านชุมชน2ล้านตอบโจทย์ใหญ่ 5 ข้อ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเงินสะพัด4ปี 3.6 ล้านล้านบาท  

        “อลงกรณ์”มั่นใจประชาธิปัตย์คัมแบ็ค ประชาชนขานรับนโยบายธนาคารหมู่บ้านชุมชน2ล้านตอบโจทย์ใหญ่ 5 ข้อ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเงินสะพัด4ปี 3.6 ล้านล้านบาท
         นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์
กล่าวแสดงความมั่นใจถึงอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ว่า  พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นพรรคทางเลือกหลักของประเทศอีกครั้งหนึ่งด้วยผลงาน นโยบายและความสามารถในการบริหารที่พิสูจน์แล้ว4ปียุคอุดมการณ์-ทันสมัย”ทำได้ไว ทำได้จริง”โดยเฉพาะนโยบายธนาคารหมู่บ้าน-ธนาคารชุมชน 2 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการขานรับดีมากจากเวที”ฟัง คิด ทำ”ระดับหมู่บ้านและชุมชนเพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจและเป็นเมกกะโปรเจคทางเศรษฐกิจที่กระจายเม็ดเงิน 160,000 ล้านบาทลงไปถึงฐานรากคือหมู่บ้านและชุมชน 80,000แห่งใน77จังหวัดทั่วประเทศสามารถตอบโจทย์ 5 ข้อของประชาชนและประเทศได้แก่
1.แก้หนี้ แก้จน สร้างงาน สร้างเงิน สร้างอาชีพ
2.สร้างระบบการออมและสินเชื่อชุมชน
3.สร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชน
4.วางโครงสร้างระบบการเงินฐานรากใหม่
5.กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

 
       “เป็นครั้งแรกของประเทศที่มีการวางรากฐานของระบบสถาบันการเงินระดับหมู่บ้านและชุมชนในรูปแบบธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชนพร้อมกันทั่วประเทศ76จัวหวัดและกรุงเทพมหานครด้วยทุนประเดิมเริ่มต้นแห่งละ2ล้านบาทจำนวน 8 หมื่นหมู่บ้านและชุมชนคิดเป็นเงิน 160,000 ล้านบาทโดยในทางเศรษฐศาสตร์เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ5รอบซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างน้อย 9 แสนล้านบาทต่อปี หรือ 3.6 ล้านล้านบาทใน 4 ปีแรกเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจและยังเป็นการวางรากฐานระบบการเงินใหม่ของประเทศในระดับฐานรากครอบคลุมทุกจังหวัด  เท่าที่พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีระดับหมู่บ้านและชุมชน ปรากฎว่าประชาชนพึงพอใจและชื่นชอบนโยบายนี้เพราะตรงกับความต้องการของประชาชนในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นค่าครองชีพสูงลูกหลานว่างงานการค้าซบเซาเป็นหนี้นอกระบบมากขึ้นจากผลกระทบของวิกฤติโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครนนอกจากนี้การบริหารด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยชุมชนของชุมชนเพื่อชุมชนจะทำให้หมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็งขึ้น” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด.