บึงกาฬ ปิดฉากคดีฉาวผู้ใหญ่บ้านคนสวยแย่งสามี CEO สาว สัมภาษณ์สื่อและโพสต์เฟสบุ๊คให้ร้ายผู้ใหญ่บ้านคนสวยว่าแย่งสามีที่เป็นนักร้องลูกทุ่งดัง ซึงไม่เป็นความจริง   

            บึงกาฬ ปิดฉากคดีฉาวผู้ใหญ่บ้านคนสวยแย่งสามี CEO สาว

            ผู้ใหญ่บ้านคนสวยที่สุดในประเทศไทย นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องศาลคดีหมิ่นกับนางมนธิรา มูลกระแสน อายุ 43 ปี CEO สาวไทยบ้านทีวีที่ให้สัมภาษณ์สื่อและโพสต์เฟสบุ๊คให้ร้ายผู้ใหญ่บ้านคนสวยว่าแย่งสามีที่เป็นนักร้องลูกทุ่งดัง ซึงไม่เป็นความจริง โดยอ้างเข้าใจผิดจึงยอมขอโทษผู้ใหญ่บ้านตกลงกันต่อหน้าศาลจะโพสต์ลงสื่อเป็นเวลา 3 เดือนจึงจะยอมถอนฟ้องให้และไม่เรียกร้องค่าเสียหาย งานนี้โจทก์งามทั้งร่างกายและจิตใจจริงๆ จากกรณี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 นางมนธิรา มูลกระแสน อายุ 43 ปี ประธานกรรมการผู้มีอำนาจและเป็นผู้บริหารของบริษัท ไทบ้านทีวี จำกัด หรือ CEO สาวไทยบ้านทีวี จำกัด พร้อมทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสนิท ชาวสะอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ศูนย์ดำรงค์ธรรม และนายอำเภอเมืองบึงกาฬ เพื่อให้ดำเนินสอบสวนความประพฤติของผู้ใหญ่บ้านนาโซ่ หมู่ที่ 9 ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ว่ามีการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวีต่างๆและหนังสือพิมพ์ หรือสื่อโซเชียลเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศไทยมาแล้ว

            จากเรื่องราวดังกล่าวเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 4 ธ.ค.นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ อายุ 33 ปี ผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านนาโซ่ หมู่ที่ 9 ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ผู้ที่เคยถูกพาดพิงตกเป็นข่าวฉาวแย่งสามีซึ่งเป็นนักร้องลูกทุ่งของ CEO สาวไทยบ้านทีวี จำกัด ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่คฤหาสน์รังรักและเป็นที่ตั้งของ บริษัท รักแท้ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด จากรักแท้ทีวี 66 ว่า ที่ผ่านมาหลายๆท่านอาจจะเห็นลงในข่าวทีวี หนังสือพิมพ์ หรือตามสื่อโซเชียลต่างๆ มีการนำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 ผ่านมา จนได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกัน ก่อนที่จะมาถึงตรงนี้ ดิฉันได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ในส่วนที่มีคู่กรณีโพสต์ทำให้ดิฉันเกิดความเสียหาย ในระหว่างนั้นไม่ว่าจะเป็นการไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ต่อนายอำเภอ ต่อศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นปรากฏตามสื่อทำให้ดิฉันเกิดความเสียหาย ทำให้ดิฉันต้องออกมาปกป้องสิทธิ์ตัวเอง ปกป้ององค์กร ปกป้องครอบครัวและศักดิ์ศรีตนเอง ดังนั้น จึงมีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่ออัยการจังหวัดบึงกาฬสั่งฟ้องดำเนินคดีจำเลยต่อไป ต่อมาในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ผ่านมา ทางศาลจังหวัดบึงกาฬ ได้มีการนัดสืบพยานครั้งแรก จึงได้มีโอกาสเจอกันกับคู่กรณีและปรับความเข้าใจกัน ทางศาลท่านเมตตาให้โอกาสได้ไกล่เกลี่ยกันก่อนลองดู เหมียวซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้แถลงต่อศาลก่อนที่มีการสืบพยานโจทก์ว่า ดิฉันไม่ประสงค์ที่จะเอาใครหรือคู่กรณีหรือใครทั้งสิ้นที่มาทำให้เกิดความเสียหาย ได้รับโทษในบทหนักหรือไม่ต้องการให้ใครมาเข้าคุกเข้าตะราง เพราะว่าทุกท่านก็มีภาระหน้าที่มีลูกมีครอบครัวที่รออยู่ทางบ้าน แต่ในส่วนนี้ดิฉันแค่ต้องการให้ผู้ที่เสพข่าวหรือโพสต์ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ความจริงไปในสื่อโซเชียล ซึ่งในสิ่งเหล่านี้มันทำให้ดิฉันเป็นตัวอย่างของสังคมว่าได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพจิตครอบครัว ความเสียใจเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น หลังจากที่ได้มีการพบเจอกันกับคู่กรณีที่เป็นจำเลยได้มีการปรับความเข้าใจ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าได้เกิดความเข้าใจผิดว่าดิฉันไปแย่งสามีเขาและมีการจดทะเบียนสมรสซ้อนทั้งๆ ที่ตัวเขากับอดีตสามียังถือทะเบียนสมรสอยู่ด้วยกัน

              ในที่สุดของการเจรจาไกล่เกลี่ย จึงได้มีการตกลงกันในชั้นศาลที่หน้าบัลลังก์ ว่าจำเลยจะยอมขอโทษมีการโพสต์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในข้อที่เข้าใจผิดว่าดิฉันได้มีการจดทะเบียนสมรสซ้อนหรือแย่งสามีจำเลย ซึ่งทั้งคู่ได้มีการเลิกรากันก่อนที่อดีตสามีเขามาคบกับเหมียวเอง จนนำมาถึงการได้จดทะเบียนสมรสกันกับเหมียว และเหมียวไม่ได้เป็นเมียน้อยหรือว่าอย่างอื่น ในสิ่งที่หลายๆ ท่านได้เสพข่าวตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดกันอย่างมากมาย ทั้งสองฝ่ายเหมียวและคู่กรณีได้ตกลงกันว่าจะให้อภัยซึ่งกันและกันและปรับความเข้าใจกันใหม่ เพื่อจะแยกย้ายทำมาหากินกัน หลังจากเคสนี้อยากฝากให้หลายๆ ท่าน ไม่ว่าการโพสต์ การเข้าใจผิดไม่ว่าทำอะไรลงไปในโซเชียลหรือการใช้โซเชียลในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการใช้อารมณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ อยากให้มีสติคิดกันให้ดีก่อน เพราะหากทำให้คนอื่นเสียหายขึ้นมาก็จะทำให้เสียใจ จึงต้องใช้สติไตร่ตรองเสียก่อนที่จะโพสต์ให้ร้ายใคร ไม่ว่าจะเป็นคนโพสต์หรือว่าคนทีมาคอมเมนท์ คนแชร์ ทั้งสองฝ่ายก็จะมีทั้งคนรักและคนไม่ชอบเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์จึงอยากจะให้ระมัดระวังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นให้ดีด้วย ผู้ใหญ่บ้านคนสวยกล่าวต่อไปว่า ในข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อหน้าศาลนั้น ทางจำเลยจะโพสต์ลงในเฟสบุ๊คติดต่อกัน ให้มีการปุกหมุดสถานะเป็นสาธารณะเป็นเวลา 3 เดือน โดยมีข้อความว่า “ตามที่ข้าฯ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับผู้ใหญ่เหมียวไปทั้งหมดนั้น เกิดจากความเข้าใจผิดผู้ใหญ่เหมียวไม่ได้แย่งอดีตสามีของข้าฯและอดีตสามีได้เลิกรากันแล้วทั้งสองฝ่ายได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายข้าฯและอีกฝ่ายหนึ่งได้ให้อภัยซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป” และเมื่อโพสต์ครบ 3 เดือนตามสัญญา แล้ว ดิฉันก็จะไปดำเนินการถอนฟ้องให้ โดยไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเห็นเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน อีกอย่างพี่เขาก็เป็นแม่ของลูกที่เกิดจากนายคทาธร พิลาพงษ์ หรือ แม็ค รักแท้ ไทยนิยม สามีของดิฉันด้วย.

นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399