โรงเรียนจำปาโมงวิทยาคาร อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นำเงินที่ผู้จัด “ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” ส่งคืนผู้จัดภายหลังเกิดปัญหาขายบัตรทำประชาชนเดือดร้อน ด้าน กต.ตร.สภ.บ้านผือ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดงาน
โรงเรียนจำปาโมงวิทยาคาร อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นำเงินที่ผู้จัด “ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” ส่งคืนผู้จัดภายหลังเกิดปัญหาขายบัตรทำประชาชนเดือดร้อน ด้าน กต.ตร.สภ.บ้านผือ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดงาน เผยประชาชนแห่นำบัตรมาขอเงินคืนแล้วรวมเกือบ 3 แสนบาท
วันนี้ 30 พ.ย. 2565 ที่ สภ.บ้านผือ นายชะโลม บุตรแสน ผู้อำนวยการโรงเรียนจำปาโมงวิทยาคาร ต.จำปาโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มอบหมายให้ นายยงยุทธ เรืองเพชร ครูโรงเรียนจำปาโมงวิทยาคาร เข้าพบ ร.ต.อ.รณภพ ทิพย์สุวรรณ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านผือ เพื่อลงบันทึกประจำวันนำเงินจำนวน 30,000 บาทคืนให้กับ นายพิชิต บุญตัน ผู้จัดงาน “ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” โดยมี นายพิชิต บุญตัน ผู้จัดงาน“ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” เดินทางมารับมอบเงินด้วยตนเอง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. ทีมงานผู้จัด “ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” โดย นายพิชิต บุญตัน ได้นำเงินบริจาคจำนวน 30,000 บาท เพื่อสมทบทุนซื้อรถโรงเรียนจำปาโมงวิทยาคาร ต.จำปาโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จากนั้นเมื่อทางโรงเรียนทราบว่าเกิดปัญหาในการขายบัตรการจัดการแข่งขันมวยฯ รายการดังกล่าว ทำให้เกิดข้อครหาในความโปร่งใส และเกิดความไม่สบายใจต่อทางโรงเรียน ศิษย์เก่า ประชาชนในพื้นที่ จึงได้นำเงินมาลงบันทึกประจำวันมอบคืนให้กับ นายพิชิต บุญตัน และขอประชาสัมพันธ์ว่าทางโรงเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดมวยการกุศลในครั้งนี้แต่อย่างใด
สำหรับกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก ประชาชน ภาคเอกชน และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ว่าขณะนี้ได้มีการขายบัตร “ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” จัดโดย กต.ตร.สภ.บ้านผือ ในวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ณ เวทีมวยชั่วคราว สนามกีฬาฟุตซอล เทศบาลตำบลบ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากบางรายเป็นการถูกบังคับซื้อ จากการตรวจสอบของสื่อมวลชนพบว่ามีการขายบัตร ”ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” จริง และประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนจริง จึงได้ทำการตรวจสอบไปที่ กต.ตร.สภ.บ้านผือ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงต่อเรื่องดังกล่าว โดยจากการตรวจสอบกับคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.บ้านผือ ทราบว่า การจัด “ศึกมวยไทยสัญจรการกุศล” ในบัตรใช้ชื่อของ กต.ตร.สภ.บ้านผือ ประชาสัมพันธ์การจัดงาน ซึ่งในข้อเท็จจริงทาง กต.ตร.สภ.บ้านผือ ทราบในเบื้องต้นเพียงว่าเป็นกิจกรรมการกุศล จึงไม่ได้ท้วงติงและมองว่าจะเกิดประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ แต่เมื่อทราบว่าพี่น้องประชาชนเดือดร้อนจึงได้ประสานไปที่ สภ.บ้านผือ เพื่อให้ดำเนินการประสานผู้ที่ขายบัตรหรือผู้ที่จัดงานยกเลิกบัตรดังกล่าวและทำการคืนเงินในทันทีโดยไม่มีข้อแม้
โดยได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ซื้อบัตรรายการมวยฯ ดังกล่าวสามารถนำบัตรมาขอรับเงินคืนได้ที่ สภ.บ้านผือ โดยพบว่าช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาได้มีประชาชน ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน นำบัตรมาขอเงินคืนแล้วรวมกว่า 3 แสนบาท
ต่อกรณีดังกล่าว ภาคเอกชนรายหนึ่งในอำเภอบ้านผือ ที่ซื้อบัตรมวยฯ บอกผู้สื่อข่าวว่าหากมีความผิดจริงและทำผิดวัตถุประสงค์จริง โดยเฉพาะการบังคับขายบัตรต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าผู้จัดมีเจตนาจัดจริงก็ควรจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม หากผู้จัดได้อ้างชื่อ กต.ตร.สภ.บ้านผือ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ กต.ตร.สภ.บ้านผือ เสียหาย โดยทราบว่าทาง กต.ตร.สภ.บ้านผือ ได้ชี้แจงแล้วว่าไม่ได้ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนแบบนี้ เนื่องจากเป็นการหลอกลวงเงินจากประชาชนมาอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ อย่างไรก็ตามทราบมาว่าได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ซื้อบัตรสามารถไปรับเงินคืนได้ที่ สภ.บ้านผือ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า นโยบายของผู้บัญชาการภาค 4 ไม่ให้มีการจัดกิจกรรมแบบนี้แต่อย่างใด พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชน กรณีที่มีภาคราชการหรือประชาชนบางกลุ่มดำเนินการนำบัตรต่างๆ ไม่ว่าบัตรมวยหรือบัตรการกุศลไปจำหน่าย โดยอ้างเพื่อนำรายได้ไปพัฒนาหรือเพื่อซื้ออุปกรณ์ให้แก่หน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบไปยังชื่อผู้ดำเนินการว่ามีจริงหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อไปจัดเพื่อนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว หรือถ้าหากว่ามีการตรวจสอบแล้วเป็นกิจกรรมที่ถูกต้อง ถ้าอยากช่วยเหลือก็ควรจะช่วยตามสมควร ถ้าถูกบีบบังคับให้ซื้อจำนวนมากๆ ก็ไม่ควรให้การสนับสนุนเพื่อให้ตัวเองเดือดร้อน กรณีครั้งนี้บัตรชกมวยราคาก็ไม่น้อย ขายถึงบัตรละ 1,000 – 2,000 บาท ประชาชนบางคนเห็นชื่อผู้จัดก็เกรงใจจำใจซื้อทั้งที่ตัวเองเดือดร้อน โดยกรณีนี้ทาง กต.ตร.สภ.บ้านผือ ก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด.
ต่อกรณีดังกล่าว ภาคเอกชนรายหนึ่งในอำเภอบ้านผือ ที่ซื้อบัตรมวยฯ บอกผู้สื่อข่าวว่าหากมีความผิดจริงและทำผิดวัตถุประสงค์จริง โดยเฉพาะการบังคับขายบัตรต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าผู้จัดมีเจตนาจัดจริงก็ควรจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม หากผู้จัดได้อ้างชื่อ กต.ตร.สภ.บ้านผือ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ กต.ตร.สภ.บ้านผือ เสียหาย โดยทราบว่าทาง กต.ตร.สภ.บ้านผือ ได้ชี้แจงแล้วว่าไม่ได้ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนแบบนี้ เนื่องจากเป็นการหลอกลวงเงินจากประชาชนมาอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ อย่างไรก็ตามทราบมาว่าได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ซื้อบัตรสามารถไปรับเงินคืนได้ที่ สภ.บ้านผือ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า นโยบายของผู้บัญชาการภาค 4 ไม่ให้มีการจัดกิจกรรมแบบนี้แต่อย่างใด พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชน กรณีที่มีภาคราชการหรือประชาชนบางกลุ่มดำเนินการนำบัตรต่างๆ ไม่ว่าบัตรมวยหรือบัตรการกุศลไปจำหน่าย โดยอ้างเพื่อนำรายได้ไปพัฒนาหรือเพื่อซื้ออุปกรณ์ให้แก่หน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบไปยังชื่อผู้ดำเนินการว่ามีจริงหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อไปจัดเพื่อนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว หรือถ้าหากว่ามีการตรวจสอบแล้วเป็นกิจกรรมที่ถูกต้อง ถ้าอยากช่วยเหลือก็ควรจะช่วยตามสมควร ถ้าถูกบีบบังคับให้ซื้อจำนวนมากๆ ก็ไม่ควรให้การสนับสนุนเพื่อให้ตัวเองเดือดร้อน กรณีครั้งนี้บัตรชกมวยราคาก็ไม่น้อย ขายถึงบัตรละ 1,000 – 2,000 บาท ประชาชนบางคนเห็นชื่อผู้จัดก็เกรงใจจำใจซื้อทั้งที่ตัวเองเดือดร้อน โดยกรณีนี้ทาง กต.ตร.สภ.บ้านผือ ก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด.