พม. เปิดเวที “สมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 30” ตอกย้ำความสำคัญงานอาสาสมัครไทย  

พม. เปิดเวที “สมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 30” ตอกย้ำความสำคัญงานอาสาสมัครไทย
 

     วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จัดประชุมสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ประจำปี 2565 เนื่องในวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ และวันอาสาสมัครไทย โดยมีนางสาวนภาพร เมฆาผ่องอำไพ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานฯ ทั้งนี้ ภายในงานมีผู้แทนจากองค์กรอาสาสมัครทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และผู้แทนจากคณะอนุกรรมการส่งเสริมอาสาสมัคร มากกว่า 100 คน เข้าร่วมประชุมฯ
    
 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเนื่องในโอกาส “วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย” ว่า รู้สึกน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และขอชื่นชมอาสาสมัครทุกคนที่ได้ปฏิบัติภารกิจด้านการสังคมสงเคราะห์ อุทิศตนเพื่อส่วนรวม เสียสละ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาและทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างความเข้มแข็งในการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่อาสาสมัคร ให้มีองค์ความรู้ สามารถปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครในระดับพื้นที่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานและพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมได้อย่างยั่งยืน
       นางสาวนภาพร กล่าวว่า รัฐบาลไทย ตระหนักและให้ความสำคัญกับงานอาสาสมัคร ในฐานะหุ้นส่วนทางสังคม (Social Supporting) โดยมีนโยบายการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ผ่านกลไกการสร้างพลังทางสังคมจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ดังนั้น งานอาสาสมัครจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ดังนั้น เวทีสมัชชาสวัสดิการสังคมแห่งชาติหัวข้อ “การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบบริหารจัดการอาสาสมัครในบริบทของสังคมไทย” ในครั้งนี้ จะขยายภาพการบริหารจัดการอาสาสมัคร ด้วยการนำแนวทางมาตรฐานสากลสำหรับงานอาสาสมัครเพื่อการพัฒนา (The Global Standard for Volunteering in Development) มาเป็นข้อมูลนำเสนอควบคู่กับการแบ่งปันแนวทางบริหารจัดการจากองค์กรอาสาสมัครในต่างประเทศ เพื่อสังเคราะห์วิธีการและแนวทางการบริหารจัดการอาสาสมัครจากทั่วโลกมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย 
     เวทีสมัชชาในครั้งนี้ จะเป็นพื้นที่ในการขับเคลื่อนงานสวัสดิการสังคมของประเทศไทย และร่วมกันพัฒนาแนวทางและรูปแบบของระบบบริหารจัดการงานอาสาสมัคร เพื่อให้เกิดพลังทางสังคมในการช่วยเหลือประชาชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้ที่ประสบปัญหาทางสังคม ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และร่วมมือร่วมใจพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน นางสาวนภาพร กล่าวในตอนท้าย