ปลัด พม. ย้ำทุกภาคส่วนร่วมสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก พร้อมผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ
นายอนุกูล กล่าวว่า ด้วยเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเด็กที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการนำเสนอผ่านสื่อจำนวนมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู สะท้อนให้เห็นว่า เรายังต้องร่วมกันทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ซึ่งความรุนแรงต่อเด็กสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายพื้นที่ที่เด็กใช้ชีวิต ตั้งแต่บ้าน โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก สถานดูแลเด็ก และชุมชน รวมถึงพื้นที่ออนไลน์ โดยผู้กระทำเป็นได้ทั้งบุคคลในครอบครัว เพื่อน ครู ผู้ดูแลเด็ก รวมถึงคนในชุมชน ทั้งนี้ การใช้ความรุนแรงต่อเด็ก ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อชีวิตเด็ก โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดจากคนใกล้ตัวเด็ก และการถูกทารุณกรรมต่อเนื่องซ้ำ ๆ สามารถส่งผลกระทบต่อการรับรู้ในตัวตน การพัฒนาบุคลิกภาพ การเรียนรู้ ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และอาจนำไปสู่วงจรการใช้ความรุนแรงต่อบุคคลในครอบครัวและสังคมต่อไป
นายอนุกูล กล่าวต่อไปอีกว่า การสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นความรับผิดชอบของทุกคนและทุกภาคส่วน หากเรามีความเชื่อเดียวกันว่าความรุนแรงต่อเด็ก เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ และความปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นเรื่องที่ต้องสร้างให้เกิดหลักประกันขึ้น ทั้งนี้ ตนในฐานะผู้แทนกระทรวง พม. ขอเสนอแนะให้ภาคีเครือข่าย ทุกภาคส่วน ร่วมมือกันดำเนินการที่สำคัญ ดังนี้ 1) ร่วมกันนำนโยบายคุ้มครองเด็กไปใช้ในหน่วยงาน เพื่อให้มีนโยบาย กลไก และแนวปฏิบัติที่สร้างความปลอดภัยจากการใช้ความรุนแรงต่อเด็กในทุกสภาพแวดล้อม รวมถึงมีกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อจัดการกับสถานการณ์ความรุนแรงได้ทันการณ์ 2) มีส่วนร่วมในการพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการคุ้มครองเด็กที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้างหลักประกันความปลอดภัยสำหรับเด็ก และร่วมขับเคลื่อนเชิงปฏิบัติการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง สามารถจัดระบบและกลไกคุ้มครองเด็กขึ้นในระดับชุมชน 3) สร้างความตระหนักรู้และการสร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อต่อสู้กับความรุนแรงต่อเด็ก และสร้างความปลอดภัยให้กับเด็ก 4) สนับสนุนบริการให้แก่ครอบครัว ครู ผู้ดูแลเด็กในสถานที่ต่าง ๆ ในการเลี้ยงดูและรับมือกับพฤติกรรมตามช่วงวัยของเด็กอย่างเหมาะสม จัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยภายในบริเวณโรงเรียนหรือสถานศึกษา และสร้างกฎเกณฑ์เพื่อประกันว่านักเรียนและนักศึกษาจะต้องมีความปลอดภัย 5) เสริมสร้างพลังเด็กและเยาวชนโดยผ่านสภาเด็กและเยาวชน ให้มีส่วนร่วมในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก และการสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน และ 6) ร่วมกันกำหนดประเด็นสังคมไทยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ 6 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวง พม. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีบทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คุ้มครองเด็กแห่งชาติลงสู่ระดับท้องถิ่น โดยประสานความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัด
นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า การเสวนาเพื่อปกป้องความรุนแรงต่อเด็ก “ซ่อม เสริม สร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก” ในวันนี้ กระทรวง พม. ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการขับเคลื่อนวาระเด็กและเยาวชนให้ชัดเจน รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคมที่ส่งผลต่อเด็ก ซึ่งในเวทีเสวนาวันนี้ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะต่างๆ และถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกำหนดนโยบายและแนวทางการสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก โดยมีเป้าหมายสำคัญที่ช่วยกันผลักดันให้ความปลอดภัยของเด็กเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งทุกคนจะร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยดีขึ้นต่อไป