ศรีสะเกษ พบแล้วชาวบ้านรายสุดท้ายหลงป่า 7 วันรองผู้ว่าสำรวยบุกป่าเข้าไปรับเอง  พบว่าหลงอยู่กลางป่าโอจะรังกะฮอมสภาพอิดโรยอย่างหนักได้อาศัยน้ำจากลำธารกินประทังชีวิต เตือนประชาชนไม่ควรเข้าไปหาของป่าในป่าที่ไม่คุ้นเคยอาจจะหลงป่าและได้รับอันตรายจากกับระเบิดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาที่ยังหลงเหลืออยู่  

 

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์บริการข้อมูลส่วนรุกขชาติน้ำตกสำโรงเกียรติ  อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.สะเกษ ผู้บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด ได้มอบหมายให้ นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ รองผู้บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด  พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ทหาร ตร. อส.และป่าไม้ ได้เดินทางไปที่บริเวณน้ำตกสามหลั่นไปตามเส้นยุทธศาสตร์วิถีโอจะรังกะฮอม เนื่องจากได้รับรายงานจากชุดปฏิบัติการที่ 3 หน่วยงานป้องกันพัฒนาป่าไม้ที่ศก.1 ว่า ได้พบ ผู้พลัดหลงป่ารายสุดท้าย คือ นายพงษ์สิทธ์ จันทร์โท อายุประมาณ 28 ปี บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 10 ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษ์ ที่ได้ออกจากบ้านเข้าป่าอ้างว่าเข้าไปหาเก็บเห็ดและของป่าในป่าพนมดงรักพร้อมกับเพื่อน 2 คน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2565 และได้พลัดหลงในป่า ซึ่งอยู่ในรอยต่อชายแดนระหว่างอำเภอกันทรลักษ์และอำเภอขุนหาญ  ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดค้นหาไปพบนั้น สภาพของนายพงษ์สิทธิ์ นุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว มีเสื้อลายพรางของทหารวางอยู่ใกล้ ๆ มีสภาพอ่อนเพลียอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ต้องพากันใช้เปลหามเอาร่างของนายพงษ์สิทธิ์ออกมาจากป่าที่รกทึบอย่างทุลักทุเล 

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า นายสำรวย พร้อมด้วยแม่ของนายพงษ์สิทธิ์และคณะเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล รพ.สต.บ้านสำโรงเกียรติ ได้เดินบุกป่าเข้าไปรับนายพงษ์สิทธิ์ที่หลงป่านาน 7 วันด้วยตนเอง  ซึ่งวินาทีที่แม่ของนายพงษ์สิทธิ์พบตัวลูกชายถึงกับร้องไห้โฮด้วยความดีใจสุดขีดและได้เข้าไปกอดและจับมือลูกชายเอาไว้  และได้เข้าไปกล่าวขอบคุณนายสำรวย  เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ และคณะเจ้าหน้าที่ทุกคนด้วยความซาบซึ้งใจมากที่ได้ช่วยค้นหาลูกชายของตนเองที่รอดชีวิตจากกลางป่าทึบในครั้งนี้

 นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ รองผู้บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด กล่าวว่า  ชาวบ้านที่หลงป่านั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 3 คนด้วยกัน โดยได้พบตัวก่อนหนแล้ว 2 คน คือ นายสาคร  และ นายวาทิตย์ มุ่งหมาย ยังเหลือชาวบ้านที่ยังไม่พบตัว จำนวน 1 คนคือ นายพงษ์สิทธิ์ จันทร์โท   ที่ได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2565 และได้พลัดหลงไป ซึ่งอยู่ในรอยต่อชายแดนระหว่างเขต อ.กันทรลักษ์และ อ.ขุนหาญ  ซึ่งตนได้สั่งการให้ค้นหาผู้พลัดหลงดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง  จากการที่ได้สอบถามชาวบ้านที่พบตัวคนแรก คือนายสาคร ทราบว่า เข้าไปในป่าตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.65 พอวันที่ 29 ก.ค.65  นายสาคร ได้ออกมาจากป่า 1 คน โดยอ้างว่าหิวน้ำจึงได้แยกจากเพื่อนออกมาจากป่าเพื่อมาเอาน้ำโดยบอกให้เพื่อนรอก่อน พอได้น้ำแล้วกลับไปหาเพื่อนอีก 2 คนก็ไม่พบกันแล้ว จึงได้เดินตามลำน้ำกลับออกมาก่อน  

นายสำรวย  เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า ส่วนคนที่ 2 คือ  นายวาทิตย์ มุ่งหมาย ได้ออกมาจากป่าเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 65    ซึ่งในวันนี้ (3 ส.ค.65) ตนได้ประชุมกำหนดแผนค้นหาผู้พลัดหลงและจัดชุดปฏิบัติการจำนวน 4 ชุดปฏิบัติการและออกค้นหาในเวลาประมาณ 08.00 น. โดยชุดปฏิบัติการที่ 1 เริ่มค้นหาจากฐานปฏิบัติการ 620  ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสิ้นสุดที่ฝายพระอาทิตย์ ชุดปฏิบัติการที่ 2 เริ่มค้นหาจากฐาน 620 ไปทางทิศตะวันตกสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์เชิงพระพุทธ ชุดปฏิบัติการที่ 3 เริ่มค้นหาจากน้ำตกสามหลั่น ไปสิ้นสุดที่มอควันดำ และชุดปฏิบัติการที่4 เริ่มค้นหาจากเขื่อนอาทิตย์ไปทางธรรมชาติวกกลับมาที่มอควันดำ  ซึ่งชุดปฏิบัติการที่ 3 หน่วยงานป้องกันพัฒนาป่าไม้ที่ศก.1 ได้พบ ผู้พลัดหลงป่ารายสุดท้าย คือ นายพงษ์สิทธ์ จันทร์โท หลังจากที่พลัดหลงป่านานถึง 7 วัน ได้อาศัยน้ำจากลำธารกินประทังชีวิต ซึ่งตนได้ส่งตัวนายพงษ์สิทธิ์  ไปที่ รพ.ขุนหาญ เพื่อให้แพทย์พยาบาลทำการตรวจร่างกายและพักรักษาตัวต่อไป

นายสำรวย  เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวด้วยว่า ตนขอฝากเตือนประชาชนชาวศรีสะเกษที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาว่า หากจะเข้าไปหาของป่าขอให้เข้าไปเป็นกลุ่ม และไม่ควรเข้าไปในป่าที่ไม่คุ้นเคยอย่างเด็ดขาด  เนื่องจากว่ามักจะมีผู้ที่เข้าไปหาของป่าแล้วพลัดหลงป่าเป็นประจำอยู่เสมอ  และอาจจะได้รับอันตรายจากกับระเบิดที่ยังหลงเหลืออยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาได้  ตนขอขอบคุณ ผู้แทนนายอำเภอขุนหาญ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ขุนหาญ  สภ.โดนเอาว์  เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี  กองร้อยทหารพราน 2609  อส.อ.ขุนหาญ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ผู้แทน หน.สนง.ปภ.จังหวัด หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ที่ศก. 1 และเจ้าหน้าที่สวนรุกขชาติน้ำตกสำโรงเกียรติ ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ค้นหาช่วยเหลือชาวบ้านที่หลงป่าในครั้งนี้////

ภาพ / ข่าว    ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ