แจ้งความ ตร.เมืองอุดรธานี 1 ปี คดีไม่คืบ เตือนภัยประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ แอดมิน “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ
ตามที่มีข่าวดังเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ได้สร้างข่าวปลอม ใส่ร้ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน โดยใส่รูปภาพ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน พร้อมข้อความบนภาพว่า “เตือนภัย อ้างเป็น ป.ป.ช. เรียกรับเงิน 3 แสน” โดยที่ไม่ได้แสวงหาความจริง ทำให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน เสียหาย ถูกดูหมิ่นเกียจชัง จากบุคคลที่ได้พบเห็นข้อความดังกล่าว เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน
เนื่องจากมีบุคคลที่ไม่หวังดี “ปลอมแปลงไลน์ใส่ร้าย บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน” และได้แคบหน้าจอส่งเข้ามาในไลน์กลุ่มโอเพ่นแชท “ชมรม STRONG ประเทศไทย” และ ในไลน์กลุ่มโอเพ่นแชท “ชมรม STRONG ภาคอีสาน” ซึ่งทางบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี ครบหนึ่งปีคดียังไม่คืบหน้า
กระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจล่าช้ามาก เป็นเหตุทำให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานี หลายสิบคดี เพื่อต้องการให้ความจริงปรากฏ เพื่อต้องการให้ทุกท่านที่ได้แชร์ข่าวปลอมและคอมเม้นท์ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างนั้นได้ทราบว่า ข่าวที่ทุกท่านแชร์และคอมเม้นท์กันอย่างเมามันสนุกสนานนั้นเป็นข่าวปลอม และต้องการให้ แอดมิน “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และแอดมิน “ชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสาน” ออกมารับผิดชอบการกระทำดังกล่าวด้วย เนื่องจากแอดมินเพจทั้งสองใช้ “เฟสบุ๊ค อวตาร” ผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการฟ้องลูกเพจทั้งสองดังกล่าวไปเรื่อยๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม และให้ลูกเพจและประชาชนทราบถึงพฤติกรรมของแอดมินทั้งสองเพจว่าเป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบต่อผู้ได้รับผลกระทบจากข่าวปลอมที่แอดมินเพจสร้างมาหรือไม่ ทั้งผู้ที่กระทบจากข่าวปลอม และลูกเพจที่ถูกฟ้อง และเลิกเชื่อถือเพจที่สร้างความเดือดร้อน สร้างความสับสนให้กับสังคม อย่างเช่นเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสาน” และสิ่งที่น่าเสียใจก็คือบุคคลทั่วไปที่แชร์ข่าวและคอมเม้นท์กันอย่างเมามันและสนุกสนานนั้น ก็มีบุคคลระดับปัญญาชนจำนวนมากที่แชร์ข่าวปลอมดังกล่าวออกไปโดยไม่แสวงหาข้อเท็จจริง มีทั้ง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. , ทนายความ , ข้าราชการ และสื่อมวลชน
จากนั้นสื่อมวลชนได้เข้าสอบถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. สนามบินน้ำ, เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค 4 ขอนแก่น , เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดอุดรธานี ทราบว่า “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสาน” ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเพียงเอกชนที่ตั้งขึ้นมาเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักงาน ป.ป.ช.
“ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสาน” ต้องการให้ประชาชน รวมถึงข้าราชการ และบุคคลทั่วไปให้เข้าใจว่า “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตภาคอีสาน” เป็นของหน่วยงานสำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้ใช้โลโก้ ป.ป.ช. วางไว้บนเพจเฟสบุ๊คเพื่อเรียกความน่าเชื่อถือให้ประชาชนและบุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเป็นองค์กรของรัฐ สื่อมวลชนจึงได้ยื่นหนังสือส่งถึง หน่วยงานสำนักงาน ป.ป.ช.ให้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนแล้ว และสื่อมวลชนก็จะติดตามผลการดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ช. และ ความคืบหน้าของคดีต่อเจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป