ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอำเภอเมืองหนองบัวลำภู บูรณาการ Kick Of การขับเคลื่อนการดำเนินการขจัดความยากจน รายครอบครัวนางอารีย์ สีดาแก้ว หลังจากได้ประกาศเป็นวาระของอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ซึ่งมีเป้าหมาย 78 ครัวเรือน 122 คน พร้อมทั้งสำรวจบุคคลที่ตกหล่นในหมู่บ้าน ชุมชน
วันที่ 24 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00น.นายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์การบริหารส่วนตำบลนาคำไฮ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลนาคำไฮ ได้บูรณาการ Kick Of ปฎิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอำเภอเมืองหนองบัวลำภู พร้อมด้วยทีมปฎิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับพื้นที่ตำบล ซึ่งได้ตรวจสอบจำแนกข้อมูลคนจนใน 5 มิติ(ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐ) พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาของบุคคลเป้าหมาย เพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนา ช่วยเหลือหรือสงเคราะห์ กรณีครอบครัวนางอารีย์ สีดาแก้ว บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 3 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.นาคำไฮ อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู มีสมาชิกในครอบครัว จำนวน 4 คน
ปัญหาที่พบ
1.ด้านสุขภาพ : มีสมาชิกในครอบครัวที่มีปัญหาด้านสุขภาพ จำนวน 3 คน(ผู้พิการนั่งรถเข็นไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จำนวน 2 คน และนางอารีย์ สีดาแก้ว ป่วยพึ่งออกจากโรงพยาบาล ซึ่งมีอาการปีกคอร้าว กระดูกคอเส้นที่ 3 เคลื่อน และเป็นโรคตับแข็ง)
2.ด้านความเป็นอยู่ : มีบ้านซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยประมาณ 1 งาน สภาพบ้านไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตเนื่องจากมีผู้พิการนั่งรถเข็น พื้นบ้านไม่สะดวก และต่ำช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมขัง
3.ด้านรายได้ : มีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้พิการ 2 คนๆละ 800 บาทรวมเป็น 1,600 บาท และรายได้จากนายวรจัก แรงโสม(สามีนางอารีย์ฯ) ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไปรายได้ไม่แน่นอน และเช่าที่ทำนาเพื่อแบ่งข้าวมารับประทานเป็นค่าเช่า
ผลการปฎิบัติ
1.ทราบปัญหาความยากจน
2.นำข้อมูลเพื่อเข้าสู่การรับรองของคณะกรรมการฯระดับอำเภอ
3.ได้ข้อมูลเพื่อกำหนดเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาสงเคราะห์ และพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนโดยการบูรณาการของส่วนราชการในพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรภาคประชาสังคมให้ครอบคลุมทุกด้านโดยเฉพาะการพัฒนาอาชีพเพื่อให้มีรายได้ การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร และพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี และทุกคนในครัวเรือนได้รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ครบทุกคน
อนึ่งในเบื้องต้นได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทา และลดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
1.ด้านสุขภาพ : มีสมาชิกในครอบครัวที่มีปัญหาด้านสุขภาพ จำนวน 3 คน(ผู้พิการนั่งรถเข็นไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จำนวน 2 คน และนางอารีย์ สีดาแก้ว ป่วยพึ่งออกจากโรงพยาบาล ซึ่งมีอาการปีกคอร้าว กระดูกคอเส้นที่ 3 เคลื่อน และเป็นโรคตับแข็ง)
2.ด้านความเป็นอยู่ : มีบ้านซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยประมาณ 1 งาน สภาพบ้านไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตเนื่องจากมีผู้พิการนั่งรถเข็น พื้นบ้านไม่สะดวก และต่ำช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมขัง
3.ด้านรายได้ : มีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้พิการ 2 คนๆละ 800 บาทรวมเป็น 1,600 บาท และรายได้จากนายวรจัก แรงโสม(สามีนางอารีย์ฯ) ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไปรายได้ไม่แน่นอน และเช่าที่ทำนาเพื่อแบ่งข้าวมารับประทานเป็นค่าเช่า
ผลการปฎิบัติ
1.ทราบปัญหาความยากจน
2.นำข้อมูลเพื่อเข้าสู่การรับรองของคณะกรรมการฯระดับอำเภอ
3.ได้ข้อมูลเพื่อกำหนดเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาสงเคราะห์ และพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนโดยการบูรณาการของส่วนราชการในพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรภาคประชาสังคมให้ครอบคลุมทุกด้านโดยเฉพาะการพัฒนาอาชีพเพื่อให้มีรายได้ การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร และพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี และทุกคนในครัวเรือนได้รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ครบทุกคน
อนึ่งในเบื้องต้นได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทา และลดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต