ศรีสะเกษ คืบหน้าทหารรัว 8 นัดฆ่าเมีย แม่ทหารขอโทษครอบครัวฝ่ายหญิง ยืนยันลูกชายเป็นคนดี แต่ค่อนข้างใจร้อน ขณะที่ต้นสังกัดโทรศัพท์ประสานงานเพื่อร่วมประกอบพิธีฌาปนกิจศพทหาร  

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พลอาสาประยงค์ สมพงษ์ ใช้อาวุธปืนยิง น.ส.เชาวนี อารีย์ ภรรยาของตัวเองเสียชีวิต ที่ลานจอดรถที่หน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ เนื่องจากโกรธแค้นที่ไม่ยอมหย่าขาดกับภรรยา แต่ภรรยายืนยันจะหย่า ขณะที่แม่ของฝ่ายหญิงได้เข้าไปพบพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งรับทรัพย์สินส่วนตัวของ น.ส.เชาวนี กลับคืนมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพนักงานสอบสวนได้ตั้ง 3 ข้อหากับพลอาสาประยงค์ ทหารที่ก่อเหตุครั้งนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.30 น.ที่วัดพระใหญ่ ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  นางคำมี ลายคราม  อายุ  53  ปี อยู่บ้านเลขที่  56 หมู่ 16 บ้านเขวา ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย ญาติพี่น้องได้นำศพของพลอาสาประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี ซึ่งก่อเหตุยิงภรรยาและยิงศีรษะตัวเองเสียชีวิตที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์  ออกจาก รพ.ศรีสะเกษ มาที่วัดพระใหญ่  เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยศพของพลอาสาประยงค์สวมชุดปกติขาว  จากนั้น สัปเหร่อได้ประกอบพิธีมัดตราสังข์ และนำผ้าขาวมาคุมร่างเอาไว้ เพื่อจะได้ประกอบพิธีนำศพใส่โลง โดยมี  ร.ต.อ.ภาคิน ขันติวงศ์  ร้อยเวรสอบวน เจ้าของคดี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือ มาทำการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้เสียชีวิต เพื่อประกอบสำนวนคดีตามกฎหมาย และมีบรรดาญาติพี่น้องพากันมาร่วมพิธีด้วยบรรยากาศที่เศร้าสลด

นายอเล็กซานโด  เทเม่ อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กของ พลอาสาประยงค์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วย พลอาสาประยงค์  และนางคำมี ลายคราม ซึ่งเป็นแม่ จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาพูดคุยกัน ซึ่งพี่ชายของตนคือ พลอาสาประยงค์ต้องการที่จะคืนดีกับ น.ส.เชาวนี และจะชวนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ว่า น.ส.เชาวนีไม่ยินยอม และนัดหมายจะพากันไปหย่าในวันที่เกิดเหตุ แต่ขณะที่จะหย่ากันกำลังรอคิว ได้มีการโต้เถียงกัน ซึ่งตนฟังไม่รู้เรื่องเนื่องจากเป็นภาษาถิ่น จากนั้นได้ลงมาที่ลานจอดรถ น.ส.เชาวนีได้ขึ้นไปบนรถปิคอัพเพื่อที่จะขับออกไป และบอกให้นางถวิล อารีย์ ซึ่งเป็นแม่ขึ้นรถ แต่ทันใดนั้น ตนเห็นพี่ชายของตนกำลังโกรธมาก และได้ไปคว้าเอาปืนออกมาจากกระเป๋าสีแดง แล้วยิงไปที่ น.ส.เชาวนี ตนเห็นเช่นนั้นจึงได้ดึงแขนนางคำมี ซึ่งเป็นแม่ของตนวิ่งหนีออกไปจากที่เกิดเหตุด้วยความตกใจสุดขีด ต่อมาจึงทราบว่าพลอาสาประยงค์ พี่ชายตนเองได้ยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว

ทางด้าน นางคำมี ลายคราม อายุ  53  ปี แม่ของพลอาสาประยงค์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกว่า ปกติแล้ว พลอาสาประยงค์ ลูกชายของตนเป็นคนสุภาพเรียบร้อย และเคร่งในระเบียบวินัยของทหารมาก ก่อนเกิดเหตุพวกตนได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ  โดยมีพลอาสาประยงค์เป็นผู้ขับรถ เมื่อกลับมาถึงบ้านที่บ้านกระแชง ก็ได้ไปเจรจาพูดคุยกับฝ่ายหญิงที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่ว่าฝ่ายหญิงไม่ยินยอม ยืนยันจะหย่าขาดจากกัน และได้นัดหมายกันไปจดทะเบียนหย่าในวันเกิดเหตุ จนกระทั่วเกิดเหตุการณ์ที่เศร้าสลดขึ้นมา ทำให้ตนรู้สึกเสียใจมาก ตนฝากขอโทษไปยังพ่อแม่และครอบครัวของฝ่ายหญิงด้วย ที่ลูกชายของตนได้ไปยิน น.ส.เชาวนีจนทำให้เสียชีวิต แต่ว่าอย่างไรก็ตามเราทั้งสองฝ่ายก็สูญเสียลูกเช่นกัน ตนต้องขอโทษครอบครัวของฝ่ายหญิงที่เกิดเหตุเช่นนี้ ส่วนทางต้นสังกัดของพลอาสาประยงค์ ได้มีการโทรศัพท์มาหาตน เพื่อที่จะมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพด้วย ส่วนจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลกี่วันนั้น รอลูกสาวกลับมาจากกรุงเทพฯ เสียก่อน จึงจะได้หารือกันว่าจะฌาปนกิจศพวันที่เท่าไหร่

ข่าว / ภาพ  ศิริเกษ  หมายสุข  ผู้สื่อข่าวประจำ  จ.ศรีสะเกษ