ชัยภูมิ-บิ๊กตู่จี้เร่งเยียวยาช่วย 5 ชีวิตหนีตายลูกชายคลั่งเผาบ้าน-พ่อเมือง รับปากสร้างบ้านให้ภายใน7วัน  

 
 
 

 


    ความคืบหน้าหญิงวัย58ปี พร้อมแม่และหลานสาว3คนรวม5ชีวิต หนีตายลูกชายคลั่งเผาบ้านขู่ตามฆ่า ต้องอพยพมานอนข้างถนน บริเวณริมทางถนนสายชัยภูมิ – สีคิ้ว รอยต่อเขต อำเภอเมืองและอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ พื้นที่บ้านโคกแพงพวย ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมพร้อมให้มีการเร่งสร้างบ้านหลังใหม่ให้ กำหนดเสร็จภายใน 7 วันพร้อมประสานการประปาภูมิภาคชัยภูมิ ขยายเขตบริการเข้ามาด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีประปาใช้
    
10 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลัง พบนางนาฎ โชคศิริ หญิงอายุ 58ปี พร้อมยายชราอายุ 86ปี และหลานสาวอีก 3 คน มีอายุ 3 ขวบ 15 ปี และอายุ 16 ปี รวม 5 ชีวิต ที่หอบเสื้อผ้า เครื่องนอนขึ้นรถซาเล้งมาหาที่แอบนอนอยู่ข้างถนน กับคนรู้จักและเป็ดไล่ทุ่งอีก 1 ฝูง บนที่นาใครก็ไม่ทราบ โดยไร้อาหารน้ำดื่มสะอาด -สิ่งอุปโภค-อำนวนความสะดวก ขั้นพื้นฐานทามกลางความหนาวเหน็บ และความชอกช้ำใจตลอดหลายคืนที่ผ่านมา โดยนางนาฏ  โชคศิริ อายุ 58 ปี เป็นผู้เปิดเผยข้อมูลกับให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองและสมาชิกในครอบครัว โดยมีแม่ที่อายุ 86 ปี และหลานอีก 3 คน  ต้องระหกระเหินเร่ร่อนมาอาศัยอยู่บนพื้นที่ดินซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นที่ดินของใคร พร้อมเป็ดอีก 1 ฝูง ที่พอประทังชีวิตในการนำไข่ไปขาย เป็นรายได้เลี้ยงสมาชิกในครอบครัว 


ซึ่งก่อนหน้านี้ นางนาฏ  โชคศิริ อายุ 58 ปี พร้อมสมาชิกในครอบครัวรวม 5 คนที่ได้รับความเดือดร้อน เกิดจากการกระทำของลูกชายที่ติดยา โดยเดิมที ก่อนหน้านี้มีภูมิลำเนาเป็นคนตำบลหนองนาแซง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ แต่หลังจากที่ลูกชายคนโต เริ่มมีอาการคุ้มคลั่งจากการเสพยา ความสุขในครอบครัวก็เริ่มหายไปจนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ลูกชายคนโตมีอาการเมายาคุ้มคลั่งขู่จะทำร้ายผู้คนในครอบครัวและขู่จะเผาบ้าน ตนเองและสมาชิกในครอบครัวจึงเกิดความผวา จึงรีบออกมาเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุดังกล่าว  เวลาผ่านไปไม่นาน ย้อนกลับไปที่บ้านอีกครั้งพบว่าลูกชายคนโตได้ทำการเผาบ้าน กลายเป็นภาพที่สุดสลดให้กับทุกคนในครอบครัวต้องยืนดู บ้านที่เคยอยู่อาศัย ถูกเพลิงเผาวอดวายจากน้ำมือลูกชายที่ติดยา จนเหลือเพียงเถ้าถ่าน คว้ามาได้เพียงผ้าอ้อมของหลานคนเล็ก ที่อายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น แถมลูกนางนาฎ ยังได้ขู่เมื่อพ้นโทษออกจากคุก จะกลับมาฆ่าทุกคน ทำให้นางนาฏ  โชคศิริ พร้อมสมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องตกอยู่ในความผวาไม่กล้ากลับไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ดินของตนเองอีกต่อไป  บวกกับกระแสสังคมที่ตอกย้ำครอบครัวของตนอีกว่า เป็นครอบครัวที่มีเชื้อโควิด – 19 อีกด้วย  จึงตัดสินใจระหกระเหินเร่ร่อนออกมา ขอพักอาศัยอยู่กับญาติที่มีอาชีพ รับจ้างเลี้ยงเป็นอยู่กลางทุ่งนาโดยพอได้เก็บไข่ขายไปวันๆเท่านั้น ปัจจุบันนี้สมาชิกในครอบครัวเหลือเพียงแม่ที่อายุ 86 ปี และหลานสาวคนโตอายุ 16 ปี ที่ไม่ได้รับการศึกษาแล้ว ส่วนหลานคนกลางอายุ 15 ปี สิ้นเดือนนี้ต้องย้ายที่เรียนไปอยู่บ้านญาติ เข้าเรียนชั้น ม. 3 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองบัวระเหว  และหลานสาวคนเล็กสุด 3 ขวบ ยังอยู่ในการดูแลของนางนาฎ การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปด้วนความลำบาก การอยู่อาศัยบนพื้นที่ของใครก็ยังไม่ทราบ จึงมีความจำเป็นที่ต้อง ฝืนทำทุกวิถีทางให้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการหลับนอน การกินอยู่ ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก มีเพียงเต็นท์และผ้าใบกางกันลม ด้านน้ำอาหารก็ต้องไปขอจากวัดหรือตักใช้ในแหล่งน้ำซองดินคันนา ที่ยังพอมีน้ำขังหลังจากน้ำท่วมชัยภูมิที่ผ่านมา นำมาใช้อุปโภคบริโภคและใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ซึ่งต้องย้ายถิ่นฐานเป็นไปตามการหาแหล่งเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งให้มีแหล่งอาหารการกินเพื่อที่จะนำไข่เป็ดเอาไปขายเป็นรายได้ประจำวัน


    ล่าสุด(9ธ.ค.64)
เวลา 16.00 น.นายไกสร  กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้านที่ถูกไฟไหม้  ในเขตตำบลหนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ทั้งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กระทรวง พมจ.ชัยภูมิโดยบ้านพักคนไร้ที่พึ่งเด็กและคนชรา เจ้าหน้า อบต.หนองนาแซง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พบกับนางล้วน  โชคศิริ คุณยายวัย 86 ปี กับหลานสาวคนโต อายุ16ปี  น้องเอ นามสมมุติ

ซึ่งพบว่าคุณยายยังมีอาการหวาดกลัว กลัวว่าหลานชายจะหนีออกมาทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าได้ส่งตัวไปฝากขังในเรือนจำแล้ว  ผู้ว่าฯชัยภูมิ ได้เดินสำรวจสภาพที่อยู่อาศัยชั่วคราว ของยายและหลานสาว พบว่ามีสภาพไม่ปลอดภัย ทั้งอากาศก็หนาวเย็น จึงขอให้คุณยายกับหลานไปพักในศูนย์ราชการกระทรวง พมจ.ชัยภูมิ เป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะได้ระดมกำลังกันเข้ามาสร้างบ้านให้ใหม่ แต่คุณยายไม่ยอมไปเป็นห่วงบ้าน ล่าสุด  นางนาฏ  โชคศิริ อายุ 58ปี เป็นผู้เป็นแม่ของหนุ่มคลั่ง และเป็นลูกสาวของคุณยายได้เดินทางกลับจากค้าขาย มาช่วยพูดคุย จนคุณยายยอมไปอยู่อาศัยกับบ้านเพื่อน  เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเคลียร์บริเวณพื้นที่และเร่งก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยระดมกำลัง อส.และจิตอาสา ในหมู่บ้าน มาช่วยออกแรง ส่วนวัสดุทางจังหวัดจะหามาสนับสนุนให้  ส่วนข่าวลือว่าครอบครัวคุณยายติดโควิด-19 ทางสาธารณสุขตรวจแล้วไม่พบแต่อย่างใด 
    นอกจากนี้ยังให้ความช่วยเหลือน.ส.เอ  ซึ่งจบม.3 แล้ว แต่ไม่มีเงินเรียนต่อ ผู้ว่าฯได้รับว่าจะช่วยการศึกษาให้ได้เรียนต่อสูงขึ้น ตามความประสงค์  และได้มอบเงินจำนวนนวน ช่วยเหลือครอบครัวคุณยายเป็นการเบื้องต้นด้วย  พร้อมประสานการประปาภูมิภาคชัยภูมิ ขยายเขตบริการเข้ามาด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีประปาใช้ 


นายไกสร  กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่าหลังทราบข่าวรายนี้ได้ประสานกับเหล่ากาชาด นายอำเภอเมือง นายอำเภอจัตุรัส  เร่งช่วยเหลือเบื้องต้นนำคุณยายกลับมาพักที่บ้านพักเด็กก่อน เมื่อเช้าเหล่ากาชาด ได้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้ามาให้การช่วยเหลือเบื้องต้น  จากเหตุการณ์นี้หลายหน่วยงานมีความเป็นห่วงอย่างมาก โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ  จันทรโอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา ท่านอยากให้ลงมาดูแล้วก็  ให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องของการการสร้างที่อยู่อาศัย ในเบื้องต้นได้หารือกับยายแล้ว มีข้อตกลงร่วมกันว่า ก็อยากจะให้รื้อบ้านหลังนี้ที่ไฟไหม้  เพราะว่าคงสภาพนี้นอกจากจะอันตรายแล้วยังส่งผลกระทบด้านจิตใจ แล้วก็ยายก็ไปชี้จุดที่จะดำเนินการก่อสร้างบ้านให้ใหม่ ทางอำเภอร่วมกับ อบต.ในพื้นที่จะมาเคลียร์ภายในวันหยุดแล้วอาทิตย์หน้าจะเริ่มลงมือก่อสร้าง ในระหว่างนี้เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวในสภาพกลางทุ่งลมมันพัด ก็เลยให้ยายไปอยู่ที่ บ้านพักเด็กและครอบครัวของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยภูมิ  ช่วยการก่อสร้างก็จะ เชิญยายมาดูเป็นระยะ เอาความพึงพอใจของทางคุณยายเป็นหลัก ว่าจะพอใจกับบ้านเรือนที่เราดำเนินการก่อสร้างให้หรือไม่  อันนี้ก็เป็นเป็นแนวทางที่ที่จังหวัด จะให้ความช่วยเหลือ ส่วนเรื่องลูกหลานเขาตอนนี้ก็สอบถามก็มีปัญหาอยากเรียนต่อ มีปัญหาความยากจน ก็จะ รับปากว่าจะดำเนินการเรื่องการการศึกษาให้กับลูกหลานเขาเพื่อให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนในอนาคต 

ส่วนการดำเนินคดีผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกชายยายที่เป็นคนก่อเหตุ  ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ได้ควบคุมตัว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำ ระหว่างทางทำสำนวนส่งฟ้อง คุยกับยายทราบว่าลูกชายยาย มีประวัติเคยติดยาเสพติด ยังไงก็ตามตอนจับกุมได้ทำการตรวจหาสารเสพติดก็ไม่พบ  เขาน่าจะมีปัญหาเรื่องเป็นผู้ป่วยโรคจิตจากการเสพยาซึ่งทางคุณหมอสาธารณสุขจังหวัด จะส่งทีมงานจิตแพทย์ประสานกับทางเรือนจำในการ ประเมินสภาพจิตใจอีกครั้งนึง ว่าจะอยู่ในขั้นที่จะเยียวยารักษาได้เราก็จะ ส่งกลับสู่สภาพปกติ ปกติคนที่ก่อเหตุก่อนหน้านี้เป็นคนดีมาก รัก ครอบครัว ปรากฏว่ามีปัญหาครอบครัวภรรยาทิ้ง ก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาหันไปหายาเสพติดต้องประเมินว่าอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้หรือไม่  ประเด็นเรื่องชาวบ้าน ว่ากลัวว่าครอบครัวยายจะติดโควิด ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ทำการตรวจ ATKแล้ว ผลเป็นลบทั้งหมดอีกด้วย///

มัฆวาน วรรณกุลผู้สื่อข่าวภูมิภาค