ศรีสะเกษ หมูหลุดจากคอกเข้าไปคุ้ยนาโดนยาเบื่อตายยกคอก 9 ตัว วอนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับคนร้ายใจเหี้ยม
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 บ้านกึงไกร ต.หัวช้าง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นายเฉลิมเกียรติ มโนรัตน์ อายุ 56 ปี และนางวิดาภา แซ่อุ่ย อายุ 59 ปี ได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษว่า หมูของตนที่เลี้ยงเอาไว้ในคอก ซึ่งตั้งอยู่ภายในนา จำนวน 17 ตัว ได้ถูกคนร้ายใช้ยาเบื่อคลุกอาหารให้หมูของตนกิน ทำให้หมูตายไปจำนวน 9 ตัว และมีอาการป่วยหนัก 4 ตัว ซึ่งคาดว่าจะไม่รอด โดยนายเฉลิมเกียรติได้ใช้วิธีการรักษาโดยนำเอารางจืดมาผสมกับเครือแอลกอฮอล์ให้หมูที่ป่วยหนักกินเข้าไปเพื่อแก้พิษ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น โดยนางวิดาภาได้ใช้มือลูบที่ตัวของหมูที่ตายด้วยความรักและเวทนาที่หมูต้องมาตายอย่างกะทันหัน ขณะที่รอบบริเวณคอกหมูมีสุนัข จำนวนประมาณ 50 ตัว วิ่งอยู่รอบบริเวณ โดยสุนัขทั้งหมดเป็นสุนัขที่ทั้ง 2 คนเลี้ยงเอาไว้
นายเฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ตนและนางวิดาภาได้รับหมูมาจากญาติที่ไปไถ่ชีวิตมา เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ดำภูพาน น้ำหนักกว่า 100 กก.นำเอามาเลี้ยงไว้นานกว่า 5 ปีแล้ว และหมูได้แพร่พันธุ์ออกมากว่า 30 ตัว ซึ่งตนได้เลี้ยงไว้ทุกตัว ไม่ยอมขายให้ใคร เพราะความสงสารหมูที่จะต้องถูกนำไปฆ่า หากหมูตายในคอก ตนก็จะนำเอาไปฝัง ต่อมาเมื่อประมาณวันที่ 7 พ.ย.64 ตนได้เดินทางไปที่กรุงเทพฯ เพื่อไปหาซื้อยางรถยนต์มือสอง นำเอามาขายเพื่อเป็นรายได้ โดยไป-กลับ และได้ให้ญาติที่ไว้ใจมาดูแลหมูและสุนัขทั้งหมดแทน ต่อมา เมื่อประมาณวันที่ 9 พ.ย.64 ตนได้เข้ามาดูคอกหมูของตน ปรากฏว่าคอกหมูมีรอยถูกงัดเปิดออก ทำให้หมูของตน จำนวน 17 ตัว หลุดจากคอก ซึ่งเป็นหมูตัวเล็ก ตัวใหญ่ และได้เข้าไปคุ้ยนากินข้าวของชาวบ้าน ทำให้ตนถูกเรียกเข้าไปเจรจาปรับไหม ซึ่งตนยอมรับผิด โดนเรียกค่าเสียหายที่หมูเข้าไปกินข้าว 3,000 บาท แต่ตนเห็นว่ามากเกินไป จึงได้ต่อรองกันเหลือ 1,500 บาท โดยตนจะผ่อนชำระให้อาทิตย์ละ 500 บาท เพราะว่าตนไม่มีเงินก้อนที่จะนำไปจ่ายค่าปรับไหมได้หมด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเลี้ยงดูหมูและสุนัข วันละ 300 บาท อาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจกันขึ้นก็ได้ เพราะว่าตนไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับใครมาก่อน
นายเฉลิมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า พอถึงวันที่ 13 พ.ย.64 ปรากฏว่าตนเข้ามาดูที่คอกหมูของตนพบว่า หมูตายยกคอก ตายทั้งสิ้น 9 ตัว โดยสภาพของหมูที่ตายน้ำลายฟูมปาก และมีเลือดไหลทะลักออกมาจากปาก ทำให้ตนมั่นใจว่าหมูจะต้องโดนยาเบื่อตายอย่างแน่นอน เนื่องจากบริเวณนี้ไม่เคยมีโรคระบาดสัตว์แต่อย่างใด ตนได้ทยอยนำเอาหมูที่ตายไปฝังและมีหมูแม่พันธุ์น้ำหนักกว่า 100 กก.กับลูกหมู 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 20 กก.ตายไปอีก และมีหมูแม่พันธุ์ที่กำลังท้องใกล้คลอด มีอาการเซื่องซึมไม่กินอาหารอีก 1 ตัว และลูกหมูอีก 3 ตัวป่วยหนัก ตนจึงเชื่อว่าหมูของตนโดนวางยาพิษผสมกับอาหารนำมาให้หมูของตนกิน เพื่อฆ่าหมูของตน ดังนั้นตนจึงได้โทรแจ้งไปยัง 191 ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทุมพรพิสัย มาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว แจ้งให้ตนทราบว่าต้องให้สัตวแพทย์มาตรวจพิสูจน์และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กลับไป โดยที่ไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเลย ตนจึงขอวอนให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบการที่หมูของตนตายทั้ง 9 ตัวว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งตนมั่นใจว่าหมูของตนโดนวางยาพิษ เพื่อจะได้ขอให้พนักงานสอบสวน สภ.อุทุมพรพิสัย ดำเนินคดีกับคนร้ายใจเหี้ยมที่มาวางยาพิษฆ่าหมูของตนยกคอก 9 ตัวในครั้งนี้
ทางด้าน นางวิดาภา แซ่อุ่ย กล่าวว่า การที่ตนเลี้ยงหมูเอาไว้ 17 ตัว สุนัข 50 ตัว และแมว 30 ตัวนั้น เนื่องจากว่าหมูพ่อพันธุ์ได้มาจากการไถ่ชีวิต เมื่อมีการขยายพันธุ์จึงได้เลี้ยงเอาไว้ทั้งหมด ไม่ยอมขาย แม้ว่าจะมีคนมาขอซื้อหลายราย ส่วนสุนัขและแมวนั้น เมื่อมีคนเห็นว่าตนมีใจเมตตาเลี้ยงสุนัขและแมว ได้มีคนนำเอาสุนัขและแมวใส่กระสอบมาทิ้งไว้หน้าฟาร์มของตนเป็นประจำ ซึ่งตนก็เลี้ยงเอาไว้ด้วยความสงสาร แม้ว่าตนจะต้องทนหิว แต่ว่าสุนัข แมวและหมูจะต้องกินอิ่มก่อน โดยรายได้ในการเลี้ยงดูสัตว์ทุกตัวที่เลี้ยงเอาไว้นี้ ได้มาจากการขายยางรถยนต์มือสอง แต่ว่าก็ยังไม่เพียงพอกับค่าอาหารที่ต้องใช้จ่ายเป็นค่าอาหารทั้งหมดวันละกว่า 300 บาท ตนขอวิงวอนให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจพิสูจน์เรื่องนี้ เพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับคนร้ายต่อไป ////
ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ