คุกคนละ 2 ปี! อดีตนายก อบต.โนนศิลาเลิง - พวก 6 ราย ซื้อรถเก็บขยะโดยมิชอบ
ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'สำเนียง วิมาเณย์' อดีตนายก อบต.โนนศิลาเลิง กาฬสินธุ์ - พวก 7 ราย จ่ายขาดเงินสะสมเพื่อจัดซื้อรถเก็บขยะไม่ชอบด้วยระเบียบ ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา -1 ราย รับสารภาพได้ลดโทษเหลือหนึ่งปี
เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสำเนียง วิมาเณย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กับพวก 7 ราย คือ นายฉัตรชัย ชาริดา นายสุริยา สมสะอื้น นายพงษ์ ชัยคุณ นายจันดี ภูประสิทธิ์ นายศิริ แสนแก้ว นายสมใจ นาชัยเริ่ม นายอรุณ นาชัยเริ่ม กรณีจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อจัดซื้อรถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ 6 ล้อ (รถเก็บขยะ) โดยไม่ชอบด้วยระเบียบและตรวจรับรถยนต์ 6 ล้อดังกล่าว ไม่เป็นไปตามสัญญา
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาว่า นายสำเนียง วิมาเณย์ นายฉัตรชัย ชาริดา นายสุริยา สมสะอื้น นายพงษ์ ชัยคุณ นายจันดี ภูประสิทธิ์ นายศิริ แสนแก้ว นายสมใจ นาชัยเริ่ม นายอรุณ นาชัยเริ่ม จำเลยทั้ง 8 มีความผิดตามมาตรา 157 ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี
นายสมใจ นาชัยเริ่ม จำเลยที่ 7 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 162 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่
(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ
(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ
(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท