เพชรบูรณ์-ชาวบ้าน ตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ จากปัญหาที่ดินสาธารณะ แปลงป่าบ้านโคกตาด (นสล.พช.159 ) ที่ถูกทางการแจ้งดำนินคดีข้อบุกรุกที่สาธารณะ
      เมื่อวันนี้ 6 กันยายน 2564 เวลา 08.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีตัวแทนชาวบ้าน หมู่ 1 ตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นผู้รับมอบ
     ทั้งนี้ชาวบ้านจำนวน 24 ครอบครัว กำลังได้ความเดือดร้อน จากหมายบังคับคดีจากศาล กรณีถูกเจ้าหน้าที่ฟ้องถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่สาธารณะ โดยชาวบ้านอ้างว่าพวกตนไม่ได้อยู่ในหมู่ 10 ตำบลป่าเลา แต่พวกตนอยู่ในหมู่ 1 ตำบลนางั่ว ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ มีความไม่ชอบธรรม พบข้อพิรุธสงสัยในระวางรูปถ่ายทางอากาศ ในหนังสือสำคัญที่หลวง แปลงเลขที่ พช.159 จนนำมาสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้าน ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อน
       จึงได้ทำหนังสือร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ขอให้นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ในฐานะโจทก์ ขอทุเลาหรือระงับการบังคับคดีไว้ก่อน แต่ ไม่เกินภายในยุความบังคับคดี 10 ปี และให้ดำเนินการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินสาธารณะให้ชัดเจนก่อน พร้อมกันนี้ในการตรวจสอบรังวัดใหม่นั้นขอให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการนำชี้แนวเขตด้วยและขอให้เอาเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีส่วนได้เสียที่มีความเป็นกลางเข้าร่วมตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ชาวบ้าน
       เนื่องจากไปพบหลักฐานใหม่ว่าการออก นสล. เลขที่ พช.๑๕๙ แปลงป่าโคกตาด ในพื้นที่ตำบลป่าเลา -ตำบลนางั่ว อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพรรบูรณ์ นั้นมีการกำหนดทิศระวางรูปถ่ายทางอากาศคลาดเคลื่อนจากพิกัดเดิม ทำให้ไปทับซ้อนที่ดินทำกินและที่พักอาศัยของชาวบ้าน
       อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ นายยุพราช บัวอินทร์ ได้เคยทำหนังสือร้องต่อ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วเช่นกัน
       สำหรับปัญหาที่ดินสาธารณะ แปลงป่าบ้านโคกตาด (นสล.พช.159 ) ที่ถูกทางการแจ้งดำนินคดีข้อบุกรุกที่สาธารณะ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยชาวบ้านอ้างและยืนยันว่าพื้นที่ที่พวกตนอาศัยอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะ เพราะปัญหาการออก นสล. พช.159 แปลงป่าบ้านโคกตาด ตำบลป่าเลา (ตำบลนางั่ว) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ออกโดยกำหนดพิกัด ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ผิดพลาดคลาคเคลื่อนจากพิกัดเดิม ในขณะที่อดีตกำนัน ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ยืนยันว่าชาวบ้านไม่ได้บุกรุก ซึ่งในอดีตตนเองเป็นผู้ปักเขตด้วยและสามารถที่จะนำเจ้าหน้าที่ออกไปชี้แนวเขตใหม่ได้หากมีการตรวจสอบและรังวัดแนวเขตใหม่.