องคมนตรี ติดตามผลสัมฤทธิ์โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 10 พื้นที่จังหวัดแพร่  

           องคมนตรี ติดตามผลสัมฤทธิ์โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 10 พื้นที่จังหวัดแพร่

          วันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วย นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. คณะที่ปรึกษาอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านแม่ยุ้นพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลปงป่าหวาย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ รับฟังรายงานการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดแพร่ และรายงานผลการดำเนินงานโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านแม่ยุ้นฯ โอกาสนี้ องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมกับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่ราษฎร และพบปะเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ จากนั้น องคมนตรีเปิดวาล์วจ่ายน้ำ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการฯ และปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนสูงให้แก่ราษฎรต่อไป

           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านแม่ยุ้นพร้อมระบบส่งน้ำ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 ตามที่ราษฎรหมู่ที่ 3 บ้านแม่ยุ้น ตำบลปงป่าหวาย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ขอพระราชทานโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือราษฎรตำบลปงป่าหวาย ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทำการเกษตรในฤดูแล้ง โดยสำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ได้ร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริในการดำเนินการโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านแม่ยุ้นพร้อมระบบส่งน้ำฯ สูบน้ำจากแม่น้ำยมโดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง อัตราการสูบน้ำ 0.35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมท่อส่งน้ำ ความยาว 2,594 เมตร บ่อพักน้ำขนาด 250 ลูกบาศก์เมตร บ่อกระจายน้ำ และจุดจ่ายน้ำ จำนวน 10 แห่ง ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2566 สามารถส่งน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรให้แก่ราษฎรบ้านแม่ยุ้น หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 9 ตำบลปงป่าหวาย จำนวน 807 คน รวม 196 ครัวเรือน ได้มีน้ำไว้ใช้ในการทำเกษตรกรรมในช่วงฤดูฝนและช่วงหน้าแล้งให้แก่พื้นที่จำนวน 1,200 ไร่ รวมทั้งเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้น ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนสามารถปลูกข้าวนาปี (ข้าวเหนียวสันป่าตอง) สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร 4,050,000 บาท ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีรายได้ 170,000 บาท และปลูกถั่วเขียวผิวดำ มีรายได้ 190,000 บาท อีกทั้งในหน้าแล้งสามารถปลูกข้าวนาปรัง มีรายได้ 3,170,000 บาท ด้านปศุสัตว์มีการปลูกพืชอาหารสัตว์ เลี้ยงโคเนื้อ กระบือ สุกร ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านปศุสัตว์ 3,600,000 บาทต่อปี และด้านประมง คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านประมง 165,920 บาทต่อปี
 

            ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านสวนหลวงแห่งที่ 2 พร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลปงป่าหวาย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ รับฟังรายงานผลการดำเนินงานของโครงการฯ โอกาสนี้ องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการฯ และมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่ราษฎร จากนั้น องคมนตรีเปิดระบบส่งน้ำ พบปะเยี่ยมเยียนราษฎร และปล่อยพันธุ์ปลาลงในพื้นที่โครงการฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านสวนหลวงแห่งที่ 2 พร้อมระบบส่งน้ำ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ตามที่ราษฎรบ้านสวนหลวง หมู่ที่ 8 ตำบลปงป่าหวาย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ขอพระราชทานโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือราษฎรบ้านสวนหลวง หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 8 ตำบลปงป่าหวาย ซึ่งขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร โดยสำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ได้ร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริในการดำเนินการโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านสวนหลวงแห่งที่ 2 พร้อมระบบส่งน้ำฯ สูบน้ำจากแม่น้ำยมโดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง อัตราการสูบน้ำ 0.35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ท่อส่งน้ำ ความยาว 1,663 เมตร และบ่อกระจายน้ำขนาด 0.35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมจุดจ่ายน้ำ จำนวน 3 จุด ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2568 สามารถส่งน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรให้แก่ราษฎรหมู่ที่ 8 ตำบลปงป่าหวาย จำนวน 751 คน 183 ครัวเรือน ได้มีน้ำไว้ใช้ทำเกษตรกรรมในช่วงฤดูฝน และช่วงหน้าแล้ง จำนวน 1,000 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคสำหรับราษฎร รวมทั้งสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้นปัจจุบันราษฎรในพื้นที่มีรายได้สูงจากการทำเกษตรสูงขึ้น โดยในช่วงฤดูฝนสามารถปลูกข้าวนาปีที่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 650 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาจำหน่าย 11 บาทต่อกิโลกรัม สร้างรายได้ถึง 5,410,000 บาท นอกจากนี้ยังปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีรายได้ 110,000 บาท อีกทั้งในช่วงหน้าแล้งสามารถปลูกข้าวนาปรัง มีรายได้ 5,280,000 บาท ด้านปศุสัตว์มีการปลูกพืชอาหารสัตว์ เลี้ยงโคเนื้อ กระบือ สุกร ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านปศุสัตว์ 1,000,000 บาทต่อปี และด้านประมง คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านประมง 15,600 บาทต่อปี ทำให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตชีวิตที่ดีขึ้น

กองประชาสัมพันธ์
สำนักงาน กปร.